คำกล่าวที่ว่าเกมรับที่ดีคือพื้นฐานสำคัญสู่ชัยชนะ แต่เอาเข้าจริงทีมฟุตบอลที่เล่นแบบเน้นเกมรับก็มักไม่ค่อยมีใครจดจำ และที่สำคัญก็มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเสียด้วย แต่มันก็มีข้อยกเว้นอยู่เหมือนกัน เมื่อกาลครั้งหนึ่งทีมชาติกรีซเคยใช้ปรัชญาการทำทีมแบบเน้นเกมรับจนประสบความสำเร็จเป็นถึงแชมป์แห่งชาติยุโรป ซึ่งวันนี้เราจะไปย้อนรอยความสำเร็จราวปาฏิหารย์ของพวกเค้า
ฟุตบอลยูโร 2004 ถูกจัดการแข่งขันที่ประเทศโปรตุเกส ซึ่งมี 16 ชาติ ที่เข้าร่วมแข่งขันในรอบสุดท้าย แล้วในกลุ่ม A ก็เกิดเหตุพลิกล็อคตั้งแต่รอบแรกเมื่อเจ้าภาพพ่ายให้กรีซไป 1-2 ตั้งแต่นัดเปิดทัวร์นาเมนต์ แล้วชัยชนะเกมนั้นก็กลายเป็นประกายความหวังให้กับนักเตะแดนเทพนิยาย เมื่อพวกเค้าเสมอ 1 และแพ้อีก 1 ในแต่ก็ยังเบียดสเปนเข้ารอบในฐานะทีมอันดับสอง สำหรับแฟนบอลทั่วไปแล้วกรีซไม่ใช่ทีมเต็งที่จะประสบความสำเร็จแต่อย่างใด เนื่องจากในรอบควอเตอร์ไฟนอลยังมีทีมแกร่งอย่าง เนเธอร์แลนด์ ,ฝรั่งเศส และอังกฤษ
แต่ทว่าเมื่อก้าวเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ อ็อตโต้ เรฮาเกล กุนซือทีมชาติกรีซ รู้ตัวดีว่าไม่อาจเปิดเกมรุกแลกกับทีมอื่นๆได้ เค้าจึงหันมาใช้แท็กติกเกมรับแบบเต็มรูปแบบ แล้วอาศัยความสูงใหญ่ในตัวผู้เล่นชิงความได้เปรียบยามเล่นลูกนิ่งแทน ภาพที่เราได้เห็นในเวลานั้นคือทีมกรีซมักจะโดนคู่แข่งบุกใส่ตลอดเกม แต่พวกเค้าก็อาศัยทีมเวิร์กคอยช่วยกันตั้งรับบวกกับความหนึบของ อันโตนิโอ นิโคโปลิดิส คอยช่วยทีมเอาไว้ นั่นจึงทำให้พวกเค้าเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยสกอร์ 1-0 เหนือฝรั่งเศส และสาธารณรัฐเช็ก จนหลุดเข้าไปชิงชนะเลิศในฐานะม้ามืด
วันที่ 4 กรกฎาคม 2004 กรีซ จึงได้โคจรมาพบกับ โปรตุเกส เจ้าภาพอีกครั้ง ซึ่ง โปรตุเกส ได้เปรียบทั้งเสียงเชียร์และตัวผู้เล่น เนื่องจากพวกเค้ามีสตาร์ดังที่ค้าแข้งในยุโรปหลายคน อาทิ นูโน่ แวลันเต้ ,เดโก้ ,มานิเช่ ลิเบโร่ ,หลุยส์ ฟิโก้ ,คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และหลุยส์ คอสต้า แต่ทว่าดาวดังเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถเจาะกำแพงแนวรับของนักเตะแดนเทพนิยายได้ แล้วก็เข้าสูตรเดิมเมื่อกรีซได้ลูกเตะมุมในนาทีที่ 57 แล้ว อันเกลอส บาซินาส ก็บรรจงเปิดโด่งไปกลางประตูให้ อันเกลอส ชาริติอาส กองหน้าร่างยักษ์อาศัยความใหญ่ทะยานขวิดบอลเข้าไปตุงตาข่ายแล้วนั่นก็กลายเป็นประตูชัยให้กรีซสร้างตำนานบทใหม่ด้วยการคว้าแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งที่ 12 ได้สำเร็จอย่างสุดเซอร์ไพรซ์
เขียนโดย DT-1
ขอบเขตความรับผิดชอบ : วิดีโอนี้ถูกสร้างขึ้นและถูกผลิตโดย “youtube.com” “UEFA” สามารถค้นหาได้ทั่วไป ซึ่งทำให้เจ้าของวิดีโอนี้ที่ผลิตขึ้น เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้