ทีมชาติไทยที่มีดีกรีเป็นแชมป์เก่ารายการนี้ อยู่ในสายบี ร่วมกับ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และผู้ชนะในรอบคัดเลือกระหว่าง บรูไนฯ หรือ ติมอร์ เลสเต โดยทั้ง 2 ทีมจะแข่งขันกันแบบเหย้า-เยือน ระหว่างวันที่ 1 กับ 8 กันยายน 2561
ทางด้าน พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ กล่าวว่า “ผมมองว่าการแข่งขันรูปแบบใหม่ จะทำให้เกมการแข่งขันมีความสนุกสนานและตื่นเต้นมากขึ้น ในสาย บี เรามีโอกาสได้เปิดบ้านสู้กับทีมที่มีแฟนบอลเยอะอย่าง อินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ ทำให้แฟนบอลจะช่วยสร้างความได้เปรียบได้ ผมคิดว่าแฟนบอลน่าจะสนุกกับเกมการแข่งขันในนัดที่พบกับสองทีมนี้”
“ส่วนการไปเยือนบรูไนฯ หรือ ติมอร์ เลสเต เป็นโปรแกรมที่ถูกจัดให้ทีมที่แรงกิ้งสูงกว่าได้ออกไปเยือนทีมที่มีแรงกิ้งน้อยกว่า เพื่อกระตุ้นกระแสนิยมของฟุตบอลในอาเซียน หลังจากนี้ทางสมาคมฯ จะทำงานอย่างเต็มที่ เพราะระบบการแข่งขันของซูซูกิ คัพ มีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ทีมที่ออกไปเล่นเป็นทีมเยือนจะต้องออกค่าใช้จ่ายในส่วนของที่พักเอง ทำให้เราสามารถเลือกที่พักที่ดีที่สุดให้กับทีมชาติไทยได้”
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2018 มีดังนี้
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 (บรูไน หรือ ติมอร์ เลสเต)- ไทย
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ไทย – อินโดนีเซีย
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ฟิลิปปินส์ – ไทย
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ไทย – สิงคโปร์
การแข่งขันครั้งนี้ไม่มีเจ้าภาพในรอบแบ่งกลุ่ม โดยแต่ละทีมจะได้เล่นเกมเหย้า 2 นัด และเกมเยือน 2 นัด เพื่อหาแชมป์กลุ่มกับรองแชมป์กลุ่มผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ซึ่งจะแข่งขันนัดแรกในวันที่ 1-2 ธันวาคม 2561 ส่วนนัดที่สองจะแข่งขันในวันที่ 5-6 ธันวาคม 2561 ขณะที่รอบชิงชนะเลิศ จะแข่งขันในวันที่ 11 และ 15 ธันวาคม 2561 ต่อไป