ปรับแหลก ท่าเรือเสีย 3 หมื่น เหตุแฟนบอลตะโกนด่า,กิเลนเสีย 1 หมื่นไม่เปิดเพลงไทยลีก
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2560 เวลา 15.00 น. คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปภัมภ์ จัดการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท ครั้งที่ 6 /2560 ณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ศูนย์กีฬาหัวหมาก กรุงเทพมหานครฯ โดยมี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีเรื่องพิจารณา ดังนี้
รายการโตโยต้า ไทยลีก
1.วันที่ 8 มีนาคม 2560 สโมสรไทยฮอนด้า ลาดกระบัง เอฟซี กับ สโมสรการท่าเรือ เอฟซี
เหตุการณ์
เมื่อหมดการแข่งขันครึ่งแรก กองเชียร์สโมสรการท่าเรือ เอฟซี ตะโกนด่าพร้อมกันเสียงดังชัดเจนได้ยินกันทั่วสนามแข่งขัน และในนาทีที่ 56 นาที่ที่ 88 กองเชียร์การท่าเรือ เอฟซี ก็ยังแสดงพฤติกรรม เช่นเดิมอีกครั้ง
ผลการพิจารณา
คณะกรรมการฯ มีมติให้ลงโทษกองเชียร์สโมสรการท่าเรือ เอฟซี ในความผิดตาม ระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.1 ปรับเงินกรรมละ 10,000 บาท รวมกระทำผิด 3 กรรม รวมเป็นเงินโทษปรับทั้งสิ้น 30,000 บาท
2.วันที่ 11 มีนาคม 2560 สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี
เหตุการณ์
สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไม่ได้มีการเปิดเพลงประจำการแข่งขัน ของ บริษัท ไทยลีก จำกัด แต่ใช้เพลงของ FIFA ที่ได้ใช้ในปีที่แล้ว ในพิธีเดินลงสู่สนามของนักกีฬา
ผลการพิจารณา
สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.7 ครั้งแรกปรับเงิน 10,000 บาท
3.วันที่ 12 มีนาคม 2560 สโมสรศรีสะเกษ เอฟซี กับ สโมสรชลบุรี เอฟซี
เหตุการณ์
ในนาทีที่ 54 กองเชียร์ของสโมสร ศรีสะเกษ เอฟซี ฝั่งอัฒจันทร์ ไม่มีหลังคา ได้ขว้างปาสิ่งของ ลักษณะคล้ายก้อนน้ำแข็ง ใส่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 แต่ไม่โดน และ หลังจากจบเกมการแข่งขัน คณะผู้ตัดสินทั้ง 4 คน ได้เดินเข้ามาในอัฒจันทร์ฝั่งมีหลังคา เพื่อที่จะเดินเข้าห้องพักผู้ตัดสิน กองเชียร์ของสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี ไม่พอใจในการตัดสิน ได้ขว้างปา ถุงพลาสติก มีแก้วพลาสติก และน้ำแข็งอยู่ภายในถุง ใส่ผู้ตัดสินทั้ง 4 แต่ไม่โดน
ผลการพิจารณา
กองเชียร์สโมสรศรีสะเกษ เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 จึงลงโทษปรับเงินกรรมละ 30,000 บาท จำนวน 2 กรรม รวมปรับเป็นเงินทั้งสิ้น 60,000 บาท
…………………………………………………………………….
รายการเอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ
1.วันที่ 8 มีนาคม 2560 สโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี กับ สโมสรบางกอก เอฟซี
เหตุการณ์
เมื่อหมดเวลาการแข่งขันกองเชียร์ทีมบางกอก เอฟซี ฝั่งอัฒจันทร์ด้านทิศใต้หลังประตู ได้ตะโกนด่ากรรมการด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยมีพยานบุคคลคือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ณ จุดเกิดเหตุเป็นพยานยืนยันเหตุการณ์
ผลการพิจารณา
กองเชียร์สโมสรบางกอก เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.1 ปรับเงิน 10,000 บาท ในกรณีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ จึงลงโทษปรับสองในสาม เป็นเงิน 6,666 บาท
2.วันที่ 12 มีนาคม 2560 สโมสรตราด เอฟซี กับ สโมสรสมุทรสงคราม เอฟซี
เหตุการณ์
หลังจากหมดเวลาการแข่งขัน ระหว่างผู้ตัดสินกำลังเดินเข้ามายังห้องพักผู้ตัดสิน ระหว่างนั้นได้มี นายสมเกียรติ ฟองเพชร หัวหน้าผู้ฝึกสอน สโมสร ตราด เอฟซี ได้เข้ามาต่อว่าผู้ตัดสิน ด้วยถ้อยคำหยาบคาย
ผลการพิจารณา
นายสมเกียรติ ฟองเพชร หัวหน้าผู้ฝึกสอน สโมสร ตราด เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.7 ห้ามลงทำหน้าที่ครั้งต่อไป 2 นัด และ ปรับเงิน 40,000 บาท ในกรณีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ จึงลงโทษปรับสองในสาม เป็นเงิน 26,666 บาท
…………………………………………………………………….
รายการยูโร เค้ก ลีก โปร (ไทยลีก 3)
1.วันที่ 11 มีนาคม 2560 สโมสรจามจุรี ยูไนเต็ด กับ สโมสรตรัง เอฟซี
เหตุการณ์
1.นาทีที่ 72 นายณัฐพงษ์ เนียมสม ผู้อำนวยการสโมสรตรัง เอฟซี ได้วิ่งออกนอกเขตเทคนิคเข้ามาในสนามแข่งขัน เพื่อคัดค้านคำตัดสินของผู้ตัดสินด้วยถ้วยคำหยาบคาย ผู้ตัดสินจึงเชิญให้ออกจากนอกเขตเทคนิคขึ้นไปบนอัฒจันทร์
2. กองเชียร์ทีมตรังได้ตะโกนด่าและไม่พอใจในคำตัดสินของกรรมการ ขณะที่กรรมการเดินกลับสู่ห้องพัก จนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาการต้องบอกว่าพอแล้วๆ
ผลการพิจารณา
1.นายณัฐพงษ์ เนียมสม ผู้อำนวยการสโมสรตรัง เอฟซี มีความผิดตามระเบียบฯ ข้อ 2.7 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือ แสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ โดยลงโทษห้ามมิให้ นายณัฐพงษ์ เนียมสม ผู้อำนวยการสโมสร ตรัง เอฟซี ลงทำหน้าที่ครั้งต่อไป 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไทยลีก 3” จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม เป็นเงิน 13,333 บาท
2.กองเชียร์สโมสรตรัง เอฟซี มีความผิดตามระเบียบฯ ข้อ 4.1 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เนื่องจากเป็นการกระทำผิดครั้งแรกของกองเชียร์ จึงให้ลงโทษปรับเงินกองเชียร์ สโมสร ตรัง เอฟซี ขั้นต่ำสุด เป็นเงิน 10,000 บาท เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไทยลีก 3” จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม เป็นเงิน 3,333 บาท
2.วันที่ 11 มีนาคม 2560 สโมสร สีหมอก เอฟซี กับ สโมสร แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด
เหตุการณ์
นายวรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสรแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ไม่มีรายชื่อที่แจ้งขอไปนั่งในเขตเทคนิค และมีพฤติกรรมยืนในเขตเทคนิคตลอดเวลาทำการแข่งขันและไม่ได้แขวน Ad Card ภายหลังผู้ควบคุมการแข่งขัน ได้เข้าไปเตือนบุคคลดังกล่าวจึงนำ Ad Card มาแขวน
ผลการพิจารณา
สโมสร แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด มีความผิดตาม ข้อ 3.3 ทีมใดนำบุคคล ที่ไม่ได้มีชื่อแจ้งไว้ในรายชื่อเจ้าหน้าที่ผู้มีสิทธินั่งในที่นั่งนักกีฬาฟุตบอลสำรอง 9 คน ภายในเขตเทคนิคเข้าไปนั่งในที่นั่งดังกล่าวระหว่างการแข่งขัน ลงโทษปรับ สโมสร แกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด เป็นเงิน 10,000 บาท เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไทยลีก 3” จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม เป็นเงิน 3,333 บาท
3.วันที่ 11 มีนาคม 2560 สโมสร สีหมอก เอฟซี กับ สโมสร แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด
เหตุการณ์
1.เริ่มการแข่งขันช้าไป 17 นาที เนื่องจากรถพยาบาลมาช้า
2.ห้องพักนักกีฬาไม่มีเครื่องปรับอากาศ
ผลการพิจารณา
1.สโมสร สีหมอก เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษ วินัย มารยาทฯ ข้อ 5.3.12 วรรคที่สอง ลงโทษปรับสโมสร นครศรีธรรมราช ยูนิตี้ เป็นเงิน 40,000 บาท เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไทยลีก 3” จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 13,333 บาท
2.สโมสร สีหมอก เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษ วินัย มารยาทฯ ข้อ 5.2 แต่เนื่องจากเป็นการกระทำผิดครั้งแรก จึงลงโทษปรับสโมสร นครศรีธรรมราช ยูนิตี้ เป็นเงิน 10,000 บาท เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไทยลีก 3” จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 3,333 บาท
4.วันที่ 12 มีนาคม 2560 สโมสร นรา ยูไนเต็ด กับ สโมสร เอ็มโอเอฟ ศุลกากร ยูไนเต็ด
เหตุการณ์
ห้องพักนักกีฬาไม่มีเครื่องปรับอากาศ
ผลการพิจารณา
สโมสร นรา ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษ วินัย มารยาทฯ ข้อ 5.2 แต่เนื่องจากเป็นการกระทำผิดครั้งแรก จึงลงโทษปรับสโมสร นครศรีธรรมราช ยูนิตี้ เป็นเงิน 10,000 บาท เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไทยลีก 3” จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 3,333 บาท
…………………………………………………………………….
ยูโร เค้ก ลีก (ไทยลีก 4)
1.วันที่ 12 มีนาคม 2560 สโมสร สายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด กับ สโมสร ปราจีนบุรี ยูไนเต็ด
เหตุการณ์
หลังจบการแข่งขัน ระหว่างที่ผู้ตัดสินและคณะประชุมหลังจบเกมส์อยู่ ได้มีผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ทีมบางคนของทีม สายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด มาตะโกนด่า บางคนมาเคาะประตูหน้าห้องพักผู้ตัดสิน ผู้ควบคุมการแข่งขันจึงโทรศัพท์ไปแจ้งคุณเบ็นซ์ ผู้ประสานงานทีม ให้มาดูแลความเรียบร้อย และโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ให้ช่วยแจ้งไปยัง สภ.กบินทร์บุรี ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยของคณะผู้ตัดสิน ประมาณ 5 นาทีได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงห้องพักผู้ตัดสิน นำคณะผู้ตัดสินมาส่งขึ้นรถกลับบ้าน ปกติหากไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ผู้ตัดสินและคณะ จะออกเดินทางกลับได้ตั้งเวลา 18.30 น. แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คณะผู้ตัดสิน ออกเดินทางกลับ เมื่อเวลา 19.20 น. รวมเวลาที่นักฟุตบอลและเจ้าหน้าทีมมาล้อมอยู่บริเวณหน้าห้องพักเป็นเวลา 50 นาที
ผลการพิจารณา
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท จึงเห็นว่าการกระทำของสโมสร สายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด ในการปล่อยปละละเลยมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งไม่ควบคุมนักกีฬาของตน จนทำให้กลุ่มนักกีฬาไปนั่งรวมตัวกันในลักษณะล้อมอยู่หน้าห้องพักของคณะผู้ตัดสิน จนทำให้คณะผู้ตัดสินไม่สามารถออกจากสนามแข่งขันได้ภายใน 1 ชั่วโมง นับแต่เวลาการแข่งขันสิ้นสุดลง
สโมสร สายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษ วินัย มารยาท ข้อ 3.17 มีมติให้ลงโทษปรับเงิน สโมสร สายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด เป็นเงิน 30,000 บาท เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไทยลีก 4” จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม เป็นเงิน 10,000 บาท และห้ามสโมสร สายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด จัดการแข่งขันในฐานะทีมเหย้า 1 นัด
2.วันที่ 13 มีนาคม 2560 สโมสร โดม เอฟซี กับ สโมสร มหาวิทยาลัยรังสิต
เหตุการณ์
สโมสร มหาวิทยาลัยรังสิต ไม่ได้ใส่ชุดการแข่งขันที่ลงทะเบียนไว้กับทางฝ่ายจัดการแข่งขัน ซึ่งต้องเป็น ชุดผู้เล่น ฟ้า ฟ้า ฟ้า ชุดประตู เขียว เขียว เขียว ซึ่งได้สอบถามทางผู้จัดการ นายประพนธ์ มะระกานนท์ แจ้งว่าทางร้านที่สั่งทำชุดมาส่งชุดเวลา 17.00 น. และยังไม่ติดอาร์ม จึงทำให้ต้องใส่ชุด ชมพู ขาว ขาว
ผลการพิจารณา
สโมสร มหาวิทยาลัยรังสิต มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษ วินัย มารยาทฯ ข้อ 3.1 แต่เนื่องจากเป็นการกระทำผิดครั้งแรก จึงให้ลงโทษปรับขั้นต่ำ ลงโทษปรับเงินสโมสร มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นเงิน 10,000 บาท เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไทยลีก 4” จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม เป็นเงิน 3,333 บาท
ข้อมูลจาก : thaileague