นับตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 1996 ทีมชาติไทย กับ อินโดนีเซีย ถือว่าเป็นสองชาติที่เจอกันในรอบชิงชนะเลิศบ่อยที่สุด
การแข่งขันฟุตบอล ชิงแชมป์อาเซียน 2020 ได้คู่ชิงชนะเลิศ เป็นที่เรียบร้อย โดย เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติ อินโดนีเซีย
ทั้งสองทีมต่างยังไม่แพ้ใครเลยในการแข่งขันรายการนี้ และต่างเป็นแชมป์กลุ่มมาด้วย ซึ่งทั้งสองชาติ มีทั้งเรื่องราวความเป็นมิตร ความเป็นอริ ศัตรู และการแย่งชิงเบอร์ 1 ของ ภูมิภาคอาเซียน มาอย่างต่อเนื่อง ในอดีต แม้ช่วงหลังจะมีการจับมือกันมากขึ้นโดยเฉพาะบรรดากองเชียร
และเราจะไปย้อนรอยนัดชิงชนะเลิศ ที่ไทยและอินโดนีเซีย ต้องเผชิญหน้ากัน
ครั้งที่ 1 ปี 2000
ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2000 ถูกจัดขึ้นที่ประเทศไทย ณ เวลานั้น โดยได้เลือกใช้ ราชมังคลากีฬสถาน เป็นสังเวียนนัดชิงชนะเลิศ
ก่อนที่ทั้งสองทีมจะมาพบกันในนัดชิงชนะเลิศ ทั้งคู่เจอกันมาก่อนแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม โดยท่ ไทย เอาชนะมาก่อน 4-1
และในเกมรอบชิงชนะเลิศ ก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ไทย ที่อาศัยความได้เปรียบจากการเป็นเจ้าภาพ ไล่บดขยี้ อินโดนีเซียไปด้วยสกอร์ 4-1 โดยที่ภาพจำคือ การระเบิดฟอร์มของ วรวุธ ศรีมะฆะ เฮดโค้ชทีมชาติไทย คนปัจจุบัน ที่จัดการทำเพอร์เฟคต์แฮตทริกตั้งแต่ครึ่งแรก
แม้ทางทีมเยือนจะได้ประตูตีไข่แตกจาก อัสตอน นาวานี แต่ครึ่งหลัง ทนงศักดิ์ ประจักกะตา จะมายิงประตูปิดท้าย ให้ทีมชาติไทย คว้าแชมป์อาเซียน สมัยที่ 2 มาครองอย่างยิ่งใหญ๋ พร้อมกันนี้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังเข้าป้ายคว้ารางวัลนักเตะทรงคุณค่าของทัวร์นาเมนต์ ส่วน โค้ชโย่งคว้าดาวซัลโว ร่วมกับ เกนดัต คริสเตียวานของอินโดนีเซีย
ครั้งที่ 2 ปี 2002
ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2002 ถูกจัดขึ้นที่ อินโดนีเซียบ้าง และเป็น สนาม เกโลรา บุง การ์โน สเตเดียม หรือ เสนายัน ที่ใครต่างก็รู้ว่านี่คือ นรกทีมเยือน ที่ไทยต้องลงเล่น
สำหรับ ไทย ฟอร์มในทัวร์นาเมนต์ถือว่าไม่ดีนัก หรือต้องเข้ารอบรองชนะเลิศแบบหวุดหวิด ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เช่นเดียวกับ อินโดนีเซีย แต่ทั้งคู่ก็ต่างหักด่านแชมป์กลุ่ม และมาเจอกันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ และถือเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน
การแข่งขัน นัดชิงในวันที่ 29 ธันวาคม เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แฟนบอลอินโดนีเซีย ไหลหลั่งมาที่สนาม เสนายัน สร้างบรรยากาศให้เป็นราวกันนรก ไฟถูกจุดแทบทุกหย่อมหญ้า การปาสิ่งของเกิดขึ้นมากมาย ส่วนในสนามก็ดุเดือดไม่แพ้ กัน
ไทย นำก่อน 2 ประตู จาก ชูเกียรติ หนูสลุง และ เทิดศักดิ์ ใจมั่น ก่อนที่อินโดนีเซีย จะมาตีเสมอจากสองประตูในครึ่งหลัง และสุดท้ายต้องไปตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ
คนแรกของไทย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยิงพลาด ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของแฟนบอลเจ้าบ้าน และ บัมบัง ปามุงกัส ก็สังหารเข้าไป แต่หลังจากนั้นกลายเป็นไทยที่ทำได้ดีกว่า ก่อนจะยิงเข้าสามคนรวด ส่วนของอินโดนีเซีย พลาดไปสองคน
จนมาถึงคนสุดท้าย ผู้ที่รับหน้าที่สังหารคือ ดุสิต เฉลิมแสน ถ้าเข้าจบเกมเป็นแชมป์ ถ้าไม่เข้าลุ้นกันต่อท่ามกลางความกดดัน และสุดท้ายโค้ชโอ่ง ก็ตัดสินใจยิงแบบปาเนนก้า ก่อนปิดท้ายด้วยการทำท่าดีใจ คุกเข่าและเก็กหล่อ และเป็นภาพจำของปี 2002
ครั้งที่ 3 ปี 2016
ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิม หาเจ้าภาพสองชาติ ส่วนรอบรองชนะเลิศ เตะสองนัดเหย้าเยือน
ไทย ในฐานะแชมป์เก่า เดินลงสนามรายการนี้ด้วยความมั่นใจ ก่อนที่จะคว้าชัยต่อเนืองในรอบแบ่งกลุ่ม และยังชนะอินโดนีเซีย ในรอบแบ่งกลุ่มด้วยสกอร์ 4-2 และเกมนั้น ธีรศิลป์ แดงดา ที่กลับมาเข้าฝักอีกครั้งก็ทำแฮตทริกได้
ส่วนอินโดนีเซีย ปล่อยพลังแฝง แม้จะเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม แต่ก็ไปหักด่านเวียดนามในรอบรองชนะเลิศ หลังเฉือนชนะมาในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เกมเลกแรก ที่ ปากันซารี สเตเดียม เต็มไปปด้วยความสนุก ที่ไทยนำก่อนจากธีรศิลป์ แดงดา แต่อินโดนีเซีย มารัวสองลูกในครึ่งหลังคว้าชัยชนะมาครอง ก่อนที่จะมาตัดสินกันต่อในเกมที่สองที่ราชมังคลากีฬาสถาน
และในเกมที่สองถือเป็นเวทีแจ้งเกิดของ สิโรจน์ ฉัตรทอง อย่างเต็มตัว หลังเหมาคนเดียวสองประตูพร้อมพาไทย เถลิงบัลลังก์ แชมป์อาเซียน สมัยที่ 5 ได้สำเร็จ
และครั้งที่ 4 ที่ทั้งคู่พบกัน ใครจะเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครอง 29 ธันวาคม 2564 และ 1 มกราคม 2565 นี้รู้กัน