สมาคมฯ ถูกพิจารณาประเมินเข้าร่วมในระดับ Pro License เพื่อให้สามารถพัฒนาโค้ชระดับสูงได้มากขึ้น
ในห่วงปี 2562 ถึง 2566 ฟุตบอลไทย เริ่มจับมือกับ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนากีฬาฟุตบอลด้านต่างๆ อย่างจริงจัง ภายใต้นโยบายของ พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฯ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างเป็นจุดประสงค์หลัก หลังจากที่ฟุตบอลไทยยังขาดเรื่องโครงสร้างที่ชัดเจนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
จากความตั้งใจของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และทุกๆ ความร่วมมือของทุกภาคส่วน เช่น นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สโมสรสมาชิก และเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ภายในระยะเวลา 4 ปี ฟุตบอลไทย ได้ปักหมุดหมายเป็นชาติที่มีความเคลื่อนไหวชัดเจน และเห็นความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ จนได้รับการยอมรับจาก เอเอฟซี
ปัจจุบัน ฟุตบอลไทย ได้รับการรับรองให้เป็นประเทศสมาชิกที่มีการพัฒนาสูงสุดอันดับ 4 ของทวีป ถัดจาก ญี่ปุ่น เกาหลี และกาตาร์ ที่มีการยกระดับและการพัฒนากีฬาฟุตบอลจากการที่สมาคมฯ ขอเข้าร่วมโครงการภาคีผู้ฝึกสอน Coaching Convention, โครงการเยาวชน Elite Youth Scheme, โครงการรากหญ้า Grassroots Charter และได้ดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ผู้ฝึกสอนชาวไทย มีองค์ความรู้และทักษะในการพัฒนาผู้เล่นในแต่ระดับอายุจากรุ่นสู่รุ่น
ภายใต้การดำเนินงานด้านเทคนิค ของ มร.การ์เลส โรมาโกซ่า ผู้อำนวยการด้านเทคนิค ซึ่งเป็นหัวหอกในการนำทีม ได้วางระบบการทำงานที่เป็นสากล และวางแผนการทำงานด้านเทคนิคให้กับฟุตบอลไทย ทั้งในด้านทฤษฎี และการลงมือปฏิบัติ ก่อให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ใหม่ๆ ในระบบของฟุตบอลไทยตั้งแต่ระดับฐานรากในทุกมิติ
สมาคมฯ กำลังอยู่ในการพิจารณาประเมินให้เข้าร่วมในระดับ Pro License ของภาคีผู้ฝึกสอน เพื่อให้สามารถพัฒนาโค้ชระดับสูงได้มากขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาผู้ฝึกสอน เพื่อยกระดับฟุตบอลระดับรากหญ้าจนถึงระดับสูง และมีจำนวนหลักสูตรที่เหมาะสมต่อความต้องการของผู้ที่ทำหน้าที่ฝึกสอนฟุตบอล
ฟุตบอลไทยเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดสู่ระดับเอเชีย จากการดำเนินโครงการทางเทคนิคด้านต่างๆ ตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2566 ไทย โดยได้ลงทุนและตั้งเป้าในการพัฒนา จนล่าสุดสามารถก้าวขึ้นมามีรายชื่อประเทศสมาชิกชั้นนำของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี)
ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2561 สมาคมฯ ยังไม่เคยได้รับการรับรองจากโครงการใดๆ ในด้านเทคนิคของเอเอฟซี แต่ปัจจุบันได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศอันดับ 4 ที่มีความก้าวหน้า ถัดจาก ญี่ปุ่น เกาหลี และกาตาร์ เท่านั้น
โดย เอเอฟซี ได้ประเมินคะแนนการยกระดับการพัฒนาของ ฟุตบอลไทย รวมที่ 8 คะแนน จากการเข้าเป็นสมาชิก Coaching Convention ระดับ A-License จำนวน 2 คะแนน ,จาก Elite Youth Scheme ระดับ 3 ดาว จำนวน 2 คะแนน และ จาก Grassroots Charter ระดับเงิน จำนวน 3 คะแนน
การรับรองจาก เอเอฟซี ทั้ง 3 โครงการถือเป็นการกำหนดแนวทางการพัฒนาที่มีมาตรฐานใหม่ของฟุตบอลไทย ช่วยให้ผู้ฝึกสอนมีความรู้และทักษะที่สำคัญเพื่อพัฒนาผู้เล่นเยาวชน ก่อตั้งโครงสร้างพื้นฐาน ในการผลิตนักกีฬาเยาวชนที่มีคุณภาพให้ก้าวสู้นักฟุตบอลอาชีพ และนักฟุตบอลระดับชาติ ต่อไป
นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังพร้อมที่จะต่อยอด และตั้งใจขอรับการประเมินสมาชิกภาคีผู้ฝึกสอนในระดับ Pro-License เพื่อการเปิดหลักสูตรได้เพิ่มมากขึ้น สร้างโค้ชคุณภาพมากขึ้น ซึ่งสมาคมฯ มีความภูมิใจที่ได้สร้างความก้าวหน้าในด้านการพัฒนาแก่ฟุตบอลไทยและตั้งใจทำงานในทิศทางนี้ต่อไป โดยเล็งเห็นความสำคัญของการเติบโตของวงการฟุตบอลไทย ที่ไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาผู้เล่น แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนแห่งการพัฒนาวงการฟุตบอลในวงกว้างต่อไปในอนาคต