ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร มิดฟิลด์ตัวเก่งของทีมแสดงความเห็นถึงภาพรวมทีมระหว่างฤดูกาลก่อนและฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะถึง เขาเชื่อมั่นว่าทีมมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากมีเวลาปรับจูนเข้ากับแท็คติกของ “โค้ชแบน” พร้อมกันนี้ยังชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการเจอทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันในช่วงต้นฤดูกาล เพราะจะทำให้ทีมได้เปรียบในการปรับจูนทีมในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล
ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักอย่างเต็มตัวในฤดูกาลที่ผ่านมา สำหรับ ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ห้องเครื่องคนสำคัญของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แต่เจ้าตัวก็ยังไม่พอใจผลงานของตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะยังไม่สามารถช่วยให้ทีมคว้าแชมป์รายการใดได้ อย่างไรก็ตามเขามองว่าการเตรียมทีมอย่างมีแบบแผนในช่วงปรีซีซั่นครั้งนี้ จะส่งผลให้ทีมทำผลงานดีขึ้นในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้านี้
“สำหรับผลงานส่วนตัวของผมในปีที่ผ่านมาก็ยังถือว่าไม่น่าพอใจเท่าไหร่ครับ จริงๆทุกครั้งที่ผมได้รับโอกาสผมเต็มที่เสมอ แต่ด้วยความที่ผลงานของทีมยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เรายังไม่สามารถช่วยให้ทีมคว้าแชมป์มาครองได้ ฉะนั้นเราก็ต้องทำงานในหนักขึ้นต่อไปในแต่ละวันครับ”
“ในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมานักเตะทุกคนตั้งใจกันมากขึ้นครับ และพยายามทำตามระบบของพี่แบน (ธชตวัน ศรีปาน) คือมีวินัยในการเล่นอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเราทำเกมรุกของเรามีตัวสร้างสรรค์เยอะอยู่แล้ว พอเปลี่ยนมาเป็นเกมรับ ทุกคนลงมาช่วยกันเยอะขึ้น ซัพพอร์ทกันและกันมากขึ้น ตรงนี้ผมเชื่อว่าภาพรวมของทีมน่าจะดีขึ้นครับในฤดูกาลนี้”
จากโปรแกรมการแข่งขันศึกไทยลีกฤดูกาล 2021/2022 ที่มีการประกาศออกมา ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จะต้องเจอกับทีมที่อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ถึง 2 ทีมใน 5 นัดแรก ซึ่งปิงก็มองว่าเป็นผลดีกับทีมมากกว่า เพราะการเจอกับคู่ต่อสู้ในระดับสูงจะทำให้ทีมมีเวลาปรับจูนต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการคว้าแชมป์เมื่อจบฤดูกาล
“การเจอทีมแข็งหรือทีมลุ้นแชมป์เร็ว มันก็มีข้อดีที่ว่าเราจะได้เห็นไปเลยว่าตรงไหนเราทำได้ดีแล้ว หรือตรงไหนเรายังต้องปรับปรุงอีก เพราะเรายังมีอีก 25 นัดที่เหลือให้เล่น แน่นอนว่าศักยภาพของทีมเรายังไงก็ต้องหวังแชมป์อยู่แล้ว หรืออย่างน้อยคือการทำอันดับไปเล่นในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะผมเชื่อทุกคนก็อยากเล่นฟุตบอลในระดับสูงกับทีมชั้นนำของเอเชียครับ”
สำหรับทศวรรษ ย้ายจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาร่วมทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในเลกที่ 2 ของฤดูกาล 2018 โดยเขาลงสนามให้ ทัพ “แข้งเทพ” ไปแล้วทั้งหมด 77 นัด และทำไปได้ 5 ประตู ขณะที่ในฤดูกาลที่แล้วลงสนามในศึกไทยลีกไปทั้งหมด 27 นัด แบ่งเป็นตัวจริง 15 นัด ตัวสำรอง 12 นัด และทำไปได้ 4 ประตู