“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ปราชัยให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ช่วงต่อเวลาพิเศษคาบ้าน 2-3 ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 12 เม.ย. แต่เป็นฝ่ายได้ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก เพราะชนะด้วยสกอร์รวม 2 นัด 5-4
เกมนี้ คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือ เรอัล มาดริด ตัดสินใจให้ นาโช่ เฟร์นันเดซ ลงไปยืนคุมแนวรับแทน เอแดร์ มิลิเทา ติดโทษแบน ส่วนกองหน้ายังคงให้ คาริม เบนเซม่า ยืนค้ำเอาไว้เหมือนเดิม
ด้านทีมเยือนของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล มีการปรับแดนกลางให้ รูเบน ลอฟตัส ชีค ลงไปประสานงานกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ จอร์จินโญ่ ส่วนแนวรุกให้ ติโม แวร์เนอร์ ออกสตาร์เป็นตัวจริงด้วย
ในช่วงครึ่งแรก เชลซี ขึ้นนำไปก่อนจาก เมสัน เมาท์ ในนาที 15 เข้าสู่ครึ่งหลัง “สิงโตน้ำเงินคราม” ยิงเพิ่มได้อีก 2 ลูกจาก อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ในนาที 51 และ ติโม แวร์เนอร์ ในนาที 75 ทำให้ทีมเยือนหนีห่างไปไกลถึง 3-0 และถ้าจบด้วยสกอร์นี้จะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายเข้ารอบไปเลย แต่ เรอัล มาดริด ไม่ยอมแพ้ตามตีไข่แตกได้จาก โรดรีโก้ โกเอส ในนาที 80 หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที “ราชันชุดขาว” เป็นฝ่ายแพ้ 1-3 เท่ากับผลนัดแรก และรวมสกอร์ 2 นัด เสมอ 4-4 จึงต้องเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทีเพื่อตามหาผู้ชนะกันต่อไป
เข้าสู่นาที 96 เรอัล มาดริด ยิงเพิ่มได้อีกลูกจาก คาริม เบนเซม่า จบ 120 นาที เจ้าบ้านเป็นฝ่ายแพ้ 2-3 แต่เมื่อรวมผล 2 นัด “ราชันชุดขาว” เป็นฝ่ายชนะ 5-4 จึงได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปรอพบผู้ชนะคู่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แอตเลติโก มาดริด กันต่อไป