พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เผยถึงความคืบหน้าการทุจริตผลการแข่งขันเพิ่มเติม หลังจากที่มีการออกหมายจับ 12 ผู้เกี่ยวข้องเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งเผยว่าทางตำรวจสากลได้เชิญตัวแทนจากสมาคมฯ ขึ้นเวทีบรรยายในฐานะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ในการประชุมเกี่ยวกับการทุจริตวงการกีฬา ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2561 ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส
โดยที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ Sportradar หน่วยงานตรวจจับการทุจริตผลกีฬา และเฝ้าระวังข้อมูลทางการพนัน จนสามารถดำเนินการจับกุมผู้ที่พัวพันกับการล็อคผลการแข่งขันฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก และยังคงมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
ซึ่ง พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า “เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าพบและรายงานว่า เมื่อช่วงเวลา 11.00 น. มีอดีตผู้ตัดสินได้เข้ามาพบพนักงาน สอบสวน สน.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตผลการแข่งขันฟุตบอล ก็เป็นไปตามที่ดำเนินการ”
“เรื่องการล็อคผลบอล ล้มบอล อย่างที่เคยเรียนไปแล้วว่า พยายามให้หมดไป การล้มบอลถือว่าเป็นเหมือนมะเร็งร้ายในวงการฟุตบอล ทางสมาคมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง”
“ไม่ใช่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่ให้ความสำคัญ ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นหน้าเป็นตาที่ตำรวจสากลให้ความสนใจอย่างมาก โดยในวันที่ 10-11 กันยายน 2561 ทางตำรวจสากลได้เชิญตัวแทนจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นวิทยากรพูดถึงการล้มบอลในประเทศไทยให้กับตำรวจสากล และประเทศสมาชิกได้ฟังที่ลียง”
“โดยเราได้ส่ง คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ เป็นตัวแทน ซึ่งจะเดินทางไปในวันที่ 10 กันยายน นี้”
“ส่วนในรอบแรก 13 คน ตอนนี้ทางอัยการได้มีการสั่งฟ้อง หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแล้ว ซึ่ง 13 คนมีพฤติกรรมที่ถือว่ามีมูลมีพยานหลักฐานเพียงพอ พนักงานอัยการพิจารณาแล้วหลังจากที่ตำรวจสอบสวน เห็นว่ามีเหตุผลเพียงพอได้สรุปสั่งฟ้องแล้ว ส่วนคดีต่างๆ อยู่ในการพิจารณาของศาล”
“อย่างที่บอกครับว่า การล้มบอลในตอนนี้ยังไม่หมดไป ซึ่งเป็นหน้าที่ของทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องดำเนินการหาทางแก้ไข โดยในฤดูกาล 2019 จะมีการนำ VAR มาใช้ในทุกแมตช์”
“และตอนนี้ได้มอบหมายให้ คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ เป็นผู้ดูแล ซึ่งอาจต้องทำงานหนักขึ้น ในการจัดหาอุปกรณ์เข้ามาช่วยในการตัดสิน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าเราได้มีความยุติธรรมในทุกแมตช์การแข่งขันของปีหน้า เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของแฟนบอล, สโมสร รวมทั้งนักเตะ”
ขอขอบคุณ : Fair