ข่าวฟุตบอลฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ: ทัวร์นาเมนต์เหลือเพียงแต่ชื่อในประวัติเท่านั้น
buaksib sport news
The Confederations Cup

ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ: ทัวร์นาเมนต์เหลือเพียงแต่ชื่อในประวัติเท่านั้น

เราทุกคนมักลืมสิ่งต่างๆ สำหรับคุณ มันอาจจะเป็นการทิ้งกุญแจคาไว้ที่ประตู สำหรับองค์กรที่ดูแลเรื่องฟุตบอล มันอาจเป็นสวัสดิการทางร่างกายและจิตใจของผู้เล่น แต่สำหรับผม มันคือ คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ

ปีหน้าเป็นปีฟุตบอลโลก และถ้ามันเป็นปีฟุตบอลโลกแล้วเมื่อคุณอ่านบทความนี้ คุณไปอยู่ที่ไหนมา? และนั่นก็หมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น เว้นแต่ปีนี้ที่มันไม่ได้มีแค่สิ่งเดียวเท่านั้น การตัดสินใจไม่จัดการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพในปี ค.ศ. 2021 ไม่ได้เกิดจากความใจดีของฟีฟ่าในการลดภาระหน้าที่ของผู้เล่นหลังจากทำงานอย่างทรหดเป็นระยะเวลา 18 เดือนในฟุตบอลยุคโควิด มันเป็นการตัดสินใจก่อนที่สถานที่อย่างหวู่ฮั่นและปราสาทบาร์นาร์ดจะมีชื่อเสียงขึ้นมาเสียอีกในปี ค.ศ. 2019 ฟีฟ่าได้ทำให้คอนเฟเดอเรชันส์ คัพเหลือเพียงแต่ชื่อในประวัติศาสตร์เท่านั้นและแทนที่ด้วยการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 24 ทีม ซึ่งจะมีขึ้นในฤดูร้อน (ฤดูหนาวสำหรับชาวซีกโลกใต้) ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือในกรณีของประเทศกาตาร์ ฤดูร้อนก่อนฤดูร้อนก่อนฟุตบอลโลก แน่นอนว่าการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 24 ทีม ซึ่งถูกยกเลิกในปี ค.ศ. 2021 เพื่อหลีกทางให้ยูโร 2020 โคปาอเมริกา และอื่นๆ ไม่ใช่สิ่งที่เราส่วนใหญ่อาจขอ แต่ อาร์แซน แวนเกอร์ ไม่ได้คิดเช่นนั้น

ทั้งหมดนี้ทำให้เหลือแต่คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ 2017 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าจดจำเป็นพิเศษ ยกเว้นการนำ VAR ที่ค่อนข้างน่าเบื่อเข้ามาในเวทีโลกที่ไม่มีใครพูดถึงซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของการแข่งขันที่เริ่มขึ้นเมื่อ 25 ปีก่อน

ปฐมบทแห่งฟุตบอลรายการ confederations cup

ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพในครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งที่สามของการแข่งขัน สำหรับสองครั้งแรก การแข่งขันไม่ได้อยู่ภายใต้เขตอำนาจของฟีฟ่าเลย แต่ถูกจัดขึ้นในชื่อว่า คิง ฟาห์ฮัด คัพ เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้ครองบัลลังก์แห่งซาอุดิอาระเบียในขณะนั้น พระมหากษัตริย์ทรงกรุณาพอที่จะเชิญแชมป์อเมริกาใต้อย่างทีมชาติอาร์เจนตินา แชมป์อเมริกาเหนืออย่างทีมชาติสหรัฐอเมริกา และแชมป์แอฟริกันอย่างทีมชาติไอวอรี่โคสต์มาแข่งขันกับประเทศของพระองค์เอง ทีมชาติเดนมาร์กที่เพิ่งสวมมงกุฎแชมป์ยุโรปไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 1992 และแชมป์โอเชียเนียก็ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันจนถึงปี ค.ศ. 1997

ทีมชาติอาร์เจนตินาเป็นผู้ชนะทีมแรกของการแข่งขันอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเอาชนะทีมชาติซาอุดิอาระเบีย 3-1 ในรอบชิงชนะเลิศที่คิงฟาห์ดสเตเดียมในเมืองริยาดโดยมีประตูจาก ดิเอโก ซิเมโอเน ที่ปิดผนึกชัยชนะ กาเบรียล บาติสตูตา ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเช่นกัน และเฟร์นานโด เรดอนโด ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นแห่งทัวร์นาเมนต์ มีผู้เข้าชมอย่างน้อย 70,000 คนในนัดที่ทีมชาติซาอุดิอาระเบียลงแข่ง อีกสองเกมที่เหลือดึงดูดผู้ชมเพียง 15,000 คนหรือน้อยกว่าในสนามแห่งเดียวกัน

คิง ฟาห์ฮัด คัพไม่ประสบความสำเร็จในประเทศเจ้าภาพเมื่อถูกจัดขึ้นในสามปีต่อมา โดยครั้งนี้ มีการจัดขึ้นในเดือนมกราคมและฝูงชนก็ไม่แห่กันไปที่คิงฟาห์ดสเตเดียมเหมือนเช่นเคย นัดที่มีทีมชาติอาร์เจนตินา เม็กซิโก ไนจีเรีย ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และสุดท้ายคือ เดนมาร์กลงแข่งนั้นได้มีการเล่นต่อหน้าผู้เข้าชมจำนวนมากแต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ใกล้เคียงกับความจุที่เกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งแรกเลย

แนวคิดของ FIFA ที่มีต่อฟุตบอลรายการคอนเฟเดอเรชั่น คัพ 

ก่อนปี ค.ศ. 1997 ฟีฟ่าได้นั่งดูจากข้างสนามมามากพอแล้ว พวกเขาค่อนข้างชอบแนวคิดของคิงฟาห์ดในการรวมทีมแชมป์ต่างๆ ทั่วโลกไว้ในที่เดียวกัน แนวคิดในการปะทะกันที่ดีที่สุดระหว่างทวีปถูกนำไปในยังระดับสูงสุดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1985 เมื่อยูฟ่าและคอนเมโบลจัดการแข่งขันกันเองระหว่างทีมแชมป์ของตนเพื่อเป็นเกียรติแก่ อาร์เตมิโอ ฟรานชี อดีตประธานยูฟ่า ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ มิเชล พลาตินี เป็นกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสและนำทีมคว้าชัยชนะเหนือทีมชาติอุรุกวัยที่ ปาร์ก เดส์ แพรงซ์ ก่อนที่ทีมชาติอาร์เจนตินาของ ดิเอโก มาราโดนา จะเอาชนะทีมชาติเดนมาร์กในการแข่งขันครั้งที่สองและครั้งสุดท้ายที่ มาร์ เดล พลาตา ในปี ค.ศ. 1993

หลังจากการเข้ามาเทคโอเวอร์ของ ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก คิง ฟาห์ฮัด คัพ ก็ยังคงดำเนินต่อไปทุกๆ 2 ปี การแข่งขันได้รับแรงหนุนจากการเข้าร่วมของทีมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฟุตบอลระดับนานาชาติอย่างทีมชาติบราซิล ดาวของทีมอย่างโรนัลโด้ โรนัลดินโญ่ โรมาริโอ ริวัลโด้ เบเบโต เดนลิสัน ดีด้า และคาฟู ทั้งหมดนี้เคยเข้าร่วมการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ซึ่งทำให้ทัวร์นาเมนต์กลายเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับการดำเนินต่อไป แม้ว่าจะมีผู้คัดค้านก็ตาม

การจัดการแข่งขันโดยเจ้าภาพเดิมในรูปแบบที่ฟีฟ่าเขามาจัดการ 

ในปี ค.ศ. 1997 ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งที่ 3 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกภายใต้การดูแลของฟีฟ่า โดยมีการจัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม ทีมชาติเยอรมนีซึ่งได้รับเชิญให้เข้าร่วม confederations cup ในฐานะแชมป์ยูโร 1996 ปฏิเสธโอกาสที่จะเข้าร่วมเพราะการแข่งขันเกิดขึ้นในช่วงพักฤดูหนาวของบุนเดสลีกา ทีมสาธารณรัฐเช็กจึงได้เข้าโบกธงยุโรปแทนสองปีต่อมา เอริช ริบบ์เบค ได้ทำการช่วงชิงให้ทีมได้ไปที่ประเทศเม็กซิโกสำหรับการแข่งขันฤดูร้อนครั้งแรกของคอนเฟด คัพ แต่การพ่ายแพ้ 4-0 และ 2-0 ให้กับทีมชาติบราซิลและทีมชาติสหรัฐอเมริกาตามลำดับนั้นได้เน้นย้ำถึงทัศนคติการเล่นทัวร์นาเมนต์แบบส่งเดชของทีมชาติเยอรมนีและเป็นการคาดเดาบางส่วนสำหรับแคมเปญที่น่าเบื่อของพวกเขาในศึกยูโร 2000

แนวความคิดทั้งหมดของการซ้อมใหญ่สำหรับทัวร์นาเมนต์สำคัญมีการเปิดตัวขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2001 เมื่อทีมชาติเกาหลีใต้และทีมชาติญี่ปุ่นนำทีมของตนและ ที่สำคัญไปกว่านั้น สนามกีฬาของตนเพื่อทดสอบก่อนเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกในฤดูร้อนถัดไป การปรากฏตัวของทั้งสองประเทศในเอเชียนั้นทำให้ไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับทีมชาติซาอุดีอาระเบียผู้น่าสงสารที่ถูกบังคับให้ดูการแข่งขันที่ตนคิดค้นขึ้นจากที่นั่งเป็นครั้งแรก

เจ้าภาพร่วมทั้งสองทำผลงานได้ดีและการเข้าร่วมก็ดำเนินไปด้วยดี แต่มีการทะเลาะวิวาทกันเล็กน้อยระหว่างสองประเทศ ประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้กระตุ้นให้พวกเขาแข่งขันกันเองแทนที่จะทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องบังตาเล็กน้อยเช่นเดียวกับเมฆสีดำอันดังกระฉ่อนในช่วงฤดูมรสุม อย่างน้อยการสนับสนุนในฐานะเจ้าภาพของญี่ปุ่นก็ได้ขับเคลื่อนพวกเขาไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศโดยที่ถูกโค่นโดยประตูชัยของ ปาทริก วิเอร่  ของทีมชาติฝรั่งเศสต่อหน้าผู้ชม 65,000 คนในโยโกฮาม่า

อย่างไรก็ตาม มีฝูงชนจำนวนมาก เอสตาดิโอ อัซเตกาถูกล้อมด้วยคนดู 110,000 คนในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ปี 1999 โดยที่ทีมชาติเม็กซิโกเอาชนะบราซิลได้ 4-3 เกม โดยเป็นประตูสุดท้ายของ คูเอาเตมอค บลังโก ที่สร้างความแตกต่าง ตัวแทนของคอนคาเคฟมักจะมีความสามารถพิเศษในการสร้างความประหลาดใจ หรืออย่างน้อยก็ท้าทายความสามารถของทีมยุโรปและอเมริกาใต้

การจัดการแข่งขันที่มีต่อเนื่องมาถึงยุคหลังปี 2000 

การแข่งขัน confederations cup ปี 2009 จัดขึ้นที่แอฟริกาใต้โดยมีแตรวูวูเซลาที่ตอนนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีเป็นเสียงประสาน โดยทีมชาติสหรัฐฯ ได้ส่งแชมป์ยุโรปอย่างสเปนกลับบ้านในรอบรองชนะเลิศ ในรอบชิงชนะเลิศที่พบกับทีมชาติบราซิล พวกเขาขึ้นนำสองประตู ลูกยิงของ คลินท์ เดมป์ซีย์ และ แลนดอน โดโนแวน เป็นการขู่ว่าจะนำชื่อเสียงระดับนานาชาติครั้งสำคัญครั้งแรกมาสู่ทีมชาติสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หลุยส์ ฟาบิอาโน่ ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ทีมกลับมา และลูกโหม่งช่วงท้ายของลูซิโอก็เป็นการสวมมงกุฏคอนเฟดครั้งที่สามให้แก่ทีมชาติบราซิล

ในขณะที่คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ นำเสนอช่วงเวลาแห่งความสุข ความคาดหมาย และการค้นพบ แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ตรงกันข้ามเกิดขึ้นเช่นกัน โดยไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่าการเสียชีวิตของ มาร์ค วิเวียน โฟเอ้ ผู้ซึ่งไม่สามารถมีชีวิตฟื้นคืนมาได้หลังจากประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นระหว่างรอบรองชนะเลิศในการแข่งขันปี 2003 ในประเทศฝรั่งเศส มิดฟิลด์รายนี้เพิ่งเสร็จสิ้นจากการยืมตัวตลอดทั้งฤดูกาลที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเตรียมตัวจะย้ายไปที่ลียง โดยเขาล้มลงในนาทีที่ 72 ของการพบกับทีมชาติโคลอมเบียของทีมชาติแคเมอรูนที่สต๊าด เจอร์แลนด์

เกมจบลงโดยที่ทีมชาติแคเมอรูนชนะ 1-0 ก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงขึ้น “เมื่อการแข่งขันจบลง มันก่อให้เกิดความอิ่มเอมใจในการผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ … แต่ผู้ฝึกสอนทางกายภาพบอกเราว่ามาร์โคมีปัญหา” ลูเซียน เมตโตโมจากทีมชาติแคเมอรูนซึ่งอยู่ร่วมห้องกับโฟเอ้ในช่วงซัมเมอร์นั้นเล่าให้ฟังในภายหลังใน Radio Sport Info 

ทีมชาติแคเมอรูนและคู่แข่งอย่างทีมชาติฝรั่งเศสเกือบจะไม่ได้แข่งขันกันในรอบชิงชนะเลิศซึ่งจัดขึ้นที่ปารีสในอีกสามวันต่อมา แต่พวกเขาก็ถูกโน้มน้าวให้ลงสนามโดย มารี หลุยส์ ผู้เป็นภรรยาของโฟเอ้ หลังจากประตูโกลเดน โกลของ เธียร์รี อองรี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ มากแซล เดอร์ไซญี่ และ ริโกแบร์ ซง ได้ชูถ้วยรางวัลด้วยกัน ในขณะที่เหรียญรองชนะเลิศถูกแขวนไว้บนรูปของโฟเอ้

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของระยะห่างช่วงเวลาจัดแข่ง 

หลังปี ค.ศ. 2003 ก็ได้มีการจัด ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ขึ้นทุก ๆ สี่ปีแทนที่จะเป็นสองปี ทีมชาติเยอรมนีซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขันนั้นได้แสดงให้เห็นว่าไร้ประโยชน์เมื่อต้องเผชิญกับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2006 โดยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปี 2005 ซึ่งแชมป์โลกอย่างทีมชาติบราซิลและรองแชมป์โคปาอเมริกาอย่างทีมชาติอาร์เจนตินาได้เผชิญหน้ากันในรอบชิงชนะเลิศที่เบอร์ลิน โดยมี อาเดรียโน กาก้า และโรนัลดินโญ่เป็นผู้ทะลวงตาข่าย  4-1 เอาชนะทีมฟ้าขาวไป

เป็นการยุติธรรมที่จะกล่าวว่าทีมชาติบราซิลจะคิดถึงการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ เนื่องจากพวกเขาชนะถ้วยใบนี้มากกว่าใคร โดยคว้าถ้วยใบที่สี่และใบสุดท้ายในปี ค.ศ 2013 เมื่อถึงคราวที่พวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับกิจวัตรประจำฤดูร้อน/ฤดูหนาวภายใต้แสงแดด คอนเฟด คัพนั้นเป็นที่ที่เนย์มาได้ปรากฏตัวสู่สายตาของผู้ชมทั่วโลกซึ่งถูกกีดกันไม่ให้เข้าถึงพรสวรรค์ของเขาในช่วงปีที่ก่อร่างสร้างตัวกับสโมสรซานโตส อย่างไรก็ตาม ดาวเด่นที่แท้จริงของการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ที่ประเทศบราซิลในปี ค.ศ. 2013 คือ ทีมชาติตาฮิติ

แชมป์โอเอฟซี เนชันส์ คัพปี 2012 ที่กำจัดผู้พิชิตทีมชาตินิวซีแลนด์ในรอบรองชนะเลิศอย่างทีมชาตินิวแคลิโดเนียในรอบชิงชนะเลิศได้นั้นถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับทีมชาติสเปน อุรุกวัย และไนจีเรียในประเทศบราซิล ทีมของพวกเขาประกอบด้วยผู้เล่นทั้งหมดที่ทำการค้าแข้งในประเทศตาฮิติ นอกเหนือจาก มารมะ วาหิรุ กองหน้าชาวตาฮิติวัย 33 ปีของสโมสรแนนซี่ซึ่งเปลี่ยนสัญชาติมาจากทีมชาติฝรั่งเศสเพื่อยื่นมือเข้ามาช่วยทีม

ในเกมเปิดที่พบกับทีมชาติไนจีเรียที่เบโล โอรีซอนตี พวกเขาตามหลัง 3-0 ในพักครึ่ง และพวกเขาก็ดูเหมือนมือสมัครเล่นไม่ว่าจะมองที่ส่วนไหนของทีม แต่ความอิ่มเอิบใจก็เกิดขึ้นไปทั่วทั้งทีมตาฮิติและสนามกีฬาเมื่อ โจนาธาน เตเฮา โหม่งลูกเตะมุมของวาหิรุที่ถวายพานมาอย่างสวยงามเข้าประตูไป ทั้งทีมวิ่งกรูไปที่เตเฮา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามพี่น้องในทีม และได้ทำการฉลองด้วยท่าเต้นการพายเรือที่อาจเป็นจุดสูงสุดในชีวิตการดูฟุตบอลของผมตราบจนทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการนั่งดูการพ่ายแพ้ 10-0 และ 8-0 ของพวกเขาต่อทีมชาติสเปนและอุรุกวัยตามลำดับ แต่ทีมชาติตาฮิติถือเป็นความฝันที่เป็นจริงอย่างแน่นอน หากฟุตบอลโลก 48 ทีม ทำให้เราได้มีทีมและเรื่องราวที่เหมือนพวกเขามากขึ้น บางทีมันก็คุ้มค่าที่จะจัดการแข่งขันต่อไป แต่ว่าไม่ใช่ทุกๆ สองปี

ในวันที่คอนเฟเดอเรชั่นคัพถูกปิดตำนานลง

ประเทศรัสเซียได้รับเกียรติให้จัด ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ จูเลียน แดรกซ์เลอร์ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นแห่งทัวร์นามเมนต์  คลาวดิโอ บราโว เป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุด และทีโม แวร์เนอร์ ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ ทั้งหมดนี้บอกได้ทุกอย่างถึงความเป็นปรากฏการณ์นั้น ซึ่งบางทีตารางการแข่งขันฟุตบอลที่อิ่มตัวสามารถสร้างขึ้นได้อย่างแน่นอนโดยไม่ต้องมีปรากฏการณ์นี้แล้ว อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเราก็ได้เห็นก้าวแรกของ VAR

“ผมไม่เข้าใจมันและตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี” ฮิวโก้ บรูส กุนซือทีมชาติแคเมอรูนบ่นอุบ หลังจากใบเหลืองของ เซบาสเตียน เซียนี่ ถูกเปลี่ยนเป็นใบแดงหลังจากการตรวจดู VAR ในเกมกลุ่มกับทีมชาติเยอรมนี จากนั้น ผู้ตัดสินก็ได้รับคำสั่งให้กลับไปที่มอนิเตอร์ข้างสนามเพื่อดูเหตุการณ์เป็นครั้งที่สอง เขาออกมาโดยตระหนักว่าจริงๆ แล้วเป็นเพื่อนร่วมทีมของเซียนี่ คือ เออร์เนสต์ มาบูก้า ที่ทำฟาล์วและใบแดงก็ถูกดึงออกมาอีกครั้ง ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจยิ่งนัก

แต่ใช่ นั่นเป็นเพียงทัวร์คอนเฟเดอร์เรชันส์ คัพ/คิง ฟาห์ฮัด คัพ เล็กๆ น้อยๆ สำหรับคุณ มีคำกล่าวว่าคุณจะซาบซึ้งว่าบางสิ่งนั้นดีเมื่อมันถูกพรากไปจากคุณเท่านั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะใช้คำกล่าวนี้ในกรณีนี้ได้หรือไม่ แต่ก็ขอบคุณสำหรับความทรงจำ และก็ถึงเวลาที่ต้องบอกลาการแข่งขันฟุตบอลเล็กๆ ที่แสนตลกนั่นแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเราต้องการการแข่งขันแบบนี้อีกรายการหนึ่งในประเทศกาตาร์หรือเปล่า

buaksib sport newsbuaksib sport news