ตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เชิญผู้เกี่ยวข้อง สภากรรมการ, ผู้สนับสนุน, ตัวแทนสโมสร เข้าแสดงความเห็นแนวทางตลอดจนมาตรการในการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกและฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ ประจำฤดูกาล 2559 ที่อยู่ภายใต้การควบคุม กำกับ ดูแลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2559 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นั้น
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงต่อสื่อมวลชนว่า “จากการประชุมสภากรรมการในเรื่องพิจารณาดำเนินการ จัดการแข่งขันต่อหรือยุติการกำหนดขึ้นชั้นตกชั้นฟุตบอลไทยลีก โดยครั้งนี้ทางสมาคมฯและสภากรรมการได้เปิดโอกาสให้สโมสรสมาชิกทั้ง 18 สโมสร ดิวิชั่น 1 รวมถึง ดิวิชั่น 2 ร่วมชี้แจงความคิดเห็น”
“จากการที่เปิดโอกาสให้สโมสรไทยลีกชี้แจงเหตุผลพร้อมข้อมูล ในประเด็นแรกเรื่องการจัดแข่งขันต่อหรือยุติการแข่งขันไทยลีก สโมสรต่างๆในไทยลีกทั้ง 18 สโมสรได้ลงคะแนน ให้ยุติการแข่งขัน 17 สโมสร ให้จัดการแข่งต่อ 1 สโมสร”
“ส่วนกรณีทีมเลื่อนชั้นตกชั้น จากมติสโมสรสมาชิกให้คงเหลือ 18 ทีม จำนวน 9 เสียง ให้เพิ่มเป็น 20 ทีม จำนวน 6 เสียง ส่วนอีก 3 เสียงให้เป็นไปตามดุลยพินิจและนโยบายของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ”
“ส่วนกรณี โตโยต้า ลีกคัพ จะไม่มีการแข่งขันต่อตามเดิม เพราะมติให้ยุติการแข่งขันทุกกรณี เป็นทาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง จะไปพูดคุยกันเองว่าใครจะแข่งรายการ โตโยต้า แม่โขง และ โตโยต้า พรีเมียร์คัพ โดยให้ครองแชมป์ร่วมกัน”
“ฟุตบอล ช้าง เอเอคัพ มีมติให้ทั้ง 4 ทีมครองแชมป์ร่วมกัน และแบ่งเงินรางวัลกัน ส่วนการให้สิทธิ์ทีมไปเล่นฟุตบอลรายการ “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก” นั้นให้เป็นการจับสลาก แต่ ชลบุรี เอฟซี ได้ทำการขอสละสิทธิ์ ทำให้เหลือ 3 ทีมที่จะมาจับสลากให้ตัวแทนทีมไป ซึ่งกรณีนี้เป็นมติทั้ง 4 ทีมคุยกันอย่างเป็นเอกฉันท์”
“ด้านฟุตบอล เอไอเอสลีก ดิวิชั่น 2 ที่จะหาทีมเลื่อนชั้น 3 จาก 4 ทีมนั้นทางสโมสรทั้ง 4 จะไปดำเนินการพูดคุยกันอีกครั้ง”
“ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียระหว่าง ทีมชาติไทย พบ ออสเตรเลีย นั้น ที่เราทำเรื่องประสานไปทาง ออสเตรเลีย ว่าขอเดินทางไปแข่งขันในนัดเยือนก่อนซึ่งได้คำตอบมาว่า ออสเตรเลีย ไม่ยอมและไม่ยอมรับสนามกลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจำเป็น และต้องจัดการแข่งขันเอง ซึ่งเวลานั้นจะพ้นหลัง 30 วันที่ไว้อาลัย และจะมากำหนดมาตรการอีกทีว่าจะมีคนดูหรือไม่”
ที่มา : fathailand.org