พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ เป็นประธานในการประชุมสภากรรมการครั้งที่ 2/2561 ภายในสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม Come Together ภายในสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประชุมสภากรรมการฯ ครั้งที่ 2/2561
โดยการประชุมมี พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.ท. พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมฯ, คุณธนศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกฝ่ายสื่อสารองค์กร, คุณศุภสิน ลีลาฤทธิ์ อุปนายกฝ่ายจัดการแข่งขัน, คุณลัขณานันท์ ลักษมีธนานันต์ อุปนายกฝ่ายบัญชีและการเงิน, คุณวิทยา เลาหกุล อุปนายกฝ่ายพัฒนาเทคนิค ,คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ, มร. เบนจามิน ตัน รองประธานฝ่ายบริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด และผู้อำนวยการคลับไลเซนซิงสมาคมฯ, คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด และสภากรรมการ เจ้าหน้าที่สมาคมฯ ร่วมประชุม
โดยมีวาระพิจารณาสำคัญๆ ดังนี้
วาระที่ 1 -เรื่องรับรองรายงานการประชุมสภากรรมการครั้งที่ 1/2561
วาระที่ 2 -เรื่องเตรียมการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2561
-เรื่องการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตบอล ที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
-เรื่องการจ่ายเงินสนับสนุนสโมสรสมาชิก งวดที่ 1 ประจำฤดูกาลการแข่งขัน 2018 และการจ่ายเงินรางวัลแชมป์ฟุตบอลลีกอาชีพและฟุตบอลถ้วย (T1-T2)
-เรื่องโปรแกรมตารางการแข่งขันกีฬาฟุตบอลของทุกชุด ในฤดูกาลการแข่งขัน 2018
วาระที่ 3 -เรื่องการจัดหาบริษัทเข้ามาทำระบบการจัดการข้อมูลและเอกสารสมาคมฯ
-เรื่องการแก้ไขข้อบังคับลักษณะการปกครองของสมาคมฯ
-เรื่องขอเสนองบการประจำปี 2561 ของสมาคมฯ
-เรื่องขออนุมัติรายงานประจำปี แสดงผลการดำเนินงานต่อที่ประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2561
หลังจากการประชุม พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ให้สัมภาษณ์ว่า
“วันนี้เป็นการประชุมสภากรรมการ ประจำเดือนมีนาคม เรื่องนำมาพิจารณาวันนี้เรื่องแรก เป็นเรื่องการขออนุมัติสภากรรมการเกี่ยวกับการจัดหาบริษัทเข้ามาจัดการเรื่องระบบไอทีในการทำเอกสารข้อมูลต่างๆ เพื่อจะไปสู่ระบบ เปเปอร์เลสส์ (Paperless) คือใช้กระดาษให้น้อยลงและใช้ไอทีในการมอบหมายการทำงาน ถ้าจะหาข้อมูลก็ไม่ต้องหาในเอกสาร สามารถไปหาข้อมูลได้ทันทีในระบบหากจะนำมาใช้งาน”
“ส่วนการแก้ไขข้อบังคับบางข้อ ที่ฝ่ายกฏหมายและผู้เกี่ยวข้องมองว่าควรปรับปรุง ก่อนการประชุมใหญ่ในเดือนเมษายน เรื่องที่หนึ่งคือการตั้งงบประมาณต้องประเมินว่า เรามีรายได้เท่าไหร่ และได้มาจากไหนบ้าง จากนั้นจึงตั้งกรอบงบประมาณว่า ในแต่ละปีต้องใช้อะไรบ้าง
ถ้าเราใช้เงินฟุ่มเฟือยหรือเกินตัว เงินจะติดลบ แล้วรายได้ของสมาคมมันไม่เหมือนกับหน่วยงานรัฐบาลที่ทราบจำนวนอนุมัติมาชัดเจนว่าแต่ละปีจะได้งบประมาณเท่าไหร่
แม้สมาคมได้รับเงินจากรัฐบาล และ กกท. ก็จริง แต่รายได้หลักมาจากสปอนเซอร์ ซึ่งมันก็ไม่แน่นอน เพราะมันอยู่ที่สภาพเศรษฐกิจ
ถ้าเศรษฐกิจดีก็มีผู้สนับสนุนเยอะ ถ้าในอนาคตเศรษฐกิจไม่ดีมันก็คาดเดาลำบาก ทำให้เราต้องคิดให้รอบคอบ”
“หนี้สินต่างๆ ที่มาจากผู้บริหารสมาคมชุดเก่าในอดีต ตอนนี้มีการชำระเรียบร้อยแล้ว ทั้งจากสรรพากร หรือเจ้าหนี้ ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมในอดีต ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร บริษัท หรือตั๋วเครื่องบิน
ถ้าแฟนบอลหรือผู้สื่อข่าวติดตามข่าว เงินที่เหลือเรานำมาใช้ประโยชน์มากมาย ทั้งการอบรมโค้ชที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น การอบรมผู้ตัดสินทั้งในและต่างประเทศ
การสร้างศูนย์ฝึกอบรม หรือสนามฟุตบอลที่เกิดขึ้น การเพิ่มเงินช่วยเหลือสนับสนุนในการพัฒนาสโมสรต่างๆ ต่อทีม ผมคำนวณคร่าวๆ เงินที่เพิ่มจากตรงนี้กว่า 300 ล้านบาท
ตรงนี้เป็นเงินที่สมาคมใช้การบริหารแบบประหยัด โปร่งใส ไม่ให้รั่วใหล ทำให้มีเงินเหลือ เราใช้หลักการง่ายๆ นะครับว่า ในอดีตมีการบริหารงานอย่างไรถึงใช้เงินถึงไม่พอ
ผมบริหารงานกับทีมงานกับสมาคม และสภากรรมการ มีเงินเหลือสามารถนำเงินไปจุนเจือ ไปสร้างสิ่งต่างๆ ถ้าตีเป็นตัวเงินกว่า 400 ล้านบาท แล้วเงิน 400 ล้านบาท เมื่อก่อนไปอยู่ไหน
นี่คือวิธีคิดง่ายๆ ซึ่งวันประชุมใหญ่เราจะแจ้งให้ทุกคนได้ทราบ ในอดีตเงินมีเท่านี้ยังขัดสน นี่เราจ่ายเพิ่มอีก 400 กว่าล้านบาท เรายังจ่ายตรงเวลา
ส่วนหนี้สินที่ค้างคาถ้าหมดไป ทั้งจาก สรรพากรอีก 200 กว่าร้าน นั่นแสดงว่าเราจะมีเงินงอกเงยมาอีก 200 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตสมาคมจะนำเงินเหล่านั้นมาสร้างประโยชน์ต่อวงการฟุตบอลไทยต่อไป ส่วนใครจะเข้ามาบริหารงานสมาคมต่อจากผม คงทำได้ง่าย เพราะอะไรที่ไม่ถูกต้องผมแก้ไขหมดแล้ว”
“ส่วนการสร้างฟุตบอลสเตเดียม ต้อนนี้เรามีแบบอย่างที่ดี จากญี่ปุ่น หรือ มาเลเซีย เกี่ยวกับการบริหารจัดการแล้วทำให้รายได้เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ตลาดคนบริโภคสื่อฟุตบอลมากขึ้น
ในโอกาสข้างหน้าถ้ามันถึงเวลาที่ต้องสร้างสนามฟุตบอลจริงๆ สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะการที่เราประหยัด โปร่งใส ตรวจสอบได้ มันสามารถนำเม็ดเงินไปพัฒนาวงการฟุตบอลได้”