พีที ประจวบ เอฟซี ส่งหนังสือร้องเรียนให้ สมาคมฯ ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ วิศเวศ สังข์นคร ในเกมไทยลีกนัดล่าสุด
พีที ประจวบ เอฟซี ส่งหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ วิศเวศ สังข์นคร ที่มีข้อผิดพลาดมากมายในเกมไทยลีกนัดล่าสุด
เกมดังกล่าว ประจวบ บุกไปพ่าย ขอนแก่น ยูไนเต็ด 3-4 โดยมีจังหวะเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงใบแดงฝั่งละใบ
โดย ต่อพิฆาต ได้ยกตัวอย่างมา 5 เหตุการณ์ ดังนี้
-เหตุการณ์ที่ 1 นาทีที่ 7 นายซามูเอล โรซ่า ส่งบอลให้กับนายวานแดร์เลย์ ได้หลุดเดี่ยวไปดวลกับผู้รักษาประตูทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด และถูกผู้รักษาประตูสกัดล้มลงในกรอบเขตโทษ “ผู้ตัดสิน และ ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้า และไม่ให้แป็นลูกโทษที่จุดโทษ” แต่ทว่าภายหลัง ทาง VAR ได้ส่งสัญญาณมาทักท้วงคำตัดสิน ผู้ตัดสินจึงต้องย้อนมาดูภาพช้าและเกิดการเปลี่ยนคำตัดสินในภายหลังเป็น “ไม่ล้ำหน้า “และ ให้เป็นลูกจุดโทษ หลังได้รับคำแนะนำจาก VAR ซึ่งในจังหวะนี้ หาก VAR ไม่ส่งสัญญาณมา หรือไม่มี VAR ทางสโมสรพีที ประจวบ อาจจะเสียผลประโยชน์จากเหตุการณ์ในครั้งนี้
เหตุการณ์ที่ 2 นาทีที่ 11 จังหวะยิงลูกจุดโทษ นายซามูเอล โรซ่า ยิงไปติดเซฟผู้รักษาประตูและได้พยายามตามไปซ้ำ หลังจากนั้นผู้รักษาประตูคว้าบอลได้ และนายซามูเอล โรซ่าได้กระโดดข้ามตัวผู้รักษาประตู แต่ทว่าผู้ตัดสินมองว่ามีการปะทะกับผู้รักษาประตู จากนายซามูเอล โรซ่า และผู้ตัดสินให้ “ใบเหลือง” ซึ่งทางสโมสรมีความเห็นว่า นายซามูเอล โรซ่า ได้พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกันกับผู้รักษาประตูโดยการกระโดดข้ามและชักเท้าหลบหลังเห็นว่าผู้รักษาประตูคว้าบอลได้โดยไม่ได้มีการปะทะกับผู้รักษาประตูและผู้รักษาประตูไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับถูกคาดโทษด้วยใบเหลือง เป็นกรณที่ไม่สมควรให้ใบเหลืองแก่ นายซามูเอล โรซ่า โดยในจังหวะนี้ทางสโมสรมองว่าการตัดสินใจของผู้ตัดสินนั้นเกินกว่าเหตุ และการคาดโทษให้กับนายซามูเอล โรซ่านั้น ทำให้นายซามูเอล โรซ่า ต้องเกิดความยากลำบากในการเล่นในเวลาที่เหลือ เนื่องจากถูกการคาดโทษที่เกินกว่าความจำเป็น และไม่มีมาตรฐานเมื่อเทียบกับกรณีที่ นาทีที่ 73 นายเบรนเนอร์ อัลเวส ผู้เล่นทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้มีการปะทะกับผู้รักษาประตูของทีมพีที ประจวบ เอฟซี ซึ่งมีการปะทะกันโดยเจตนาระหว่างนายเบรนเนอร์ อัลเวส และนายรัตนัย ส่องแสงจันทร์ และนายรัตนัย ส่องแสงจันทร์ ได้รับบาดเจ็บ แต่นายเบรนเนอร์ อัลเวส กลับรอดพ้นการถูกลงโทษจากนายวิศเวศ สังข์นคร
เหตุการณ์ที่ 3 นาทีที่ 15 จังหวะที่ นายซามูเอล โรซ่า ผู้เล่นของพีที ประจวบ เอฟซี ได้กางแขนเพื่อป้องกันการเข้าแย่งบอลจาก นายปานเดชา เงินประเสริฐ ผู้เล่นของขอนแก่น ยูไนเต็ด ผู้ตัดสินมองว่ามีการใช้ศอกและให้ “ใบแดง” โดยตรงทันทีกับ นายซามูเอล โรซ่า แต่ทว่า VAR ได้ส่งสัญญาณ เรียกให้ผู้ตัดสินพิจารณาอีกครั้งและ เปลี่ยนคำตัดสินจาก “ใบแดงโดยตรง” และให้เป็น “ใบเหลืองที่ 2 ” ทำให้ นายซามูเอล โรซ่า ต้องถูกไล่ออกจากสนามไป ซึ่งถ้าดูจากภาพช้า จังหวะที่ซามูเอล โรซ่า กำลังครอบครองบอลเลี้ยงไป ลักษณะท่าทางเป็นธรรมชาติในการจัดระเบียบร่างกายในการเลี้ยงบอลปกติแต่ผู้ตัดสินมองว่าใช้ศอกกระแทกหน้า ซึ่งจะเห็นได้ว่าแขนของซามูเอล โรซ่า สัมผัสโดนที่ลำคอเท่านั้น เพื่อใช้มือในการเปลี่ยนทิศทางในการเล่น และถ้ามองในสรีระ ส่วนสูงของผู้เล่นทั้งสอง ซามูเอล โรซ่ามีความสูงกว่า จึงทำให้ระดับแขนไปสัมผัสที่ลำคอ และเมื่อพิจารณาจากลักษณะการเข้าบอลของปาณเดชา เงินประเสริฐ ซึ่งมีสรีระที่เตี้ยกว่าและก้มหน้าวิ่งเข้ามาในจุดที่พอดีกับแขนของซามูเอล โรซ่า หรือกล่าวอีกอย่างว่า นายปาณเดชา เงินประเสริฐ วิ่งเข้ามาเองโดยไม่ได้เกิดจากการกระทำของซามูเอล โรซ่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวย่อมถือว่า ซามูเอล โรซ่า ไม่ได้กระทำผิดที่จะต้องได้รับการลงโทษแต่อย่างใด และเหตุการณ์นี้ตัดสินเกินกว่าเหตุหรือไม่ และเหตุการณ์ที่ 3 นี้ มีความเกี่ยวเนื่องจากเหตุการณ์ที่ 2 ซึ่งหากเหตุการณ์ครั้งที่ 2 นั้น หากผู้ตัดสินไม่คาดโทษใบเหลืองแก่ซามูเอล โรซ่า เหตุการณ์ในครั้งที่ 3 นี้ ก็จะยังคงให้นายซามูเอล โรซ่า ยังคงสามารถลงทำการแข่งขันได้ต่อไป อีกทั้งการปะทะกันของผู้เล่นทั้งสองรายระหว่าง นายซามูเอล โรซ่า และ นายปาณเดชา เงินประเสริฐนั้น เป็นครั้งที่สองที่มีการคาดโทษด้วยใบแดงขึ้น หลังจากที่เคยมีเหตุการณ์ก่อนหน้าในฤดูกาล 2022/23 และผู้ตัดสินในเกมส์นั้น ได้ตัดสินใจให้ใบแดงกับนายซามูเอล โรซ่า เช่นเดียวกัน ซึ่งทางสโมสรพีที ประจวบ มองเหตุการณ์นี้เกิดจากการกระทำของ นายปาณเดชา เงินประเสริฐ ที่ได้อาศัยความได้เปรียบจากรูปร่างและผลการตัดสินในครั้งก่อนมาแสดงออกในการแข่งขันนัดนี้อีกครั้งนึง ซึ่งทางสโมสรพีที ประจวบ เอฟซีมองว่า เป็นความจงใจในการแสดงออกเพื่อตบตาผู้ตัดสินหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากลักษณะการเข้าบอลของนายปาณเดชา เงินประเสริฐ ซึ่งกระทำเพื่อให้นายซามูเอล โรซ่าได้รับโทษ
เหตุการณ์ที่ 4 นาทีที่ 67 นายปาณเดชา เงินประเสริฐ ผู้เล่นของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด พยายามเข้าแย่งบอลจากด้านหลังของ นายปฐมชัย เสือสกุล ผู้เล่นของพีที ประจวบ เอฟซี ทำให้บอลไปเข้าทาง นายเบรนเนอร์ อัลเวส ผู้เล่นของขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้ยิงเข้าไปให้ขอนแก่น ยูไนเต็ดขึ้นนำ 3-1 นายวิศเวศ สังข์นคร ตัดสินให้เป็นประตูที่ 3 ของทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด แต่ทว่า VAR ได้ส่งสัญญาณเรียกผู้ตัดสิน มาพิจารณาดูว่ามีการกระทำฟาวล์หรือไม่ จากการที่ นายปฐมชัย เสือสกุล ผู้เล่นทีมพีที ประจวบ เอฟซี โดนการปะทะจากด้านหลังโดยผู้เล่น ขอนแก่น ยูไนเต็ด และถึงมีการเปลี่ยนคำตัดสิน ยกเลิกประตูนี้ในภายหลัง แสดงให้เห็นว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินมีความบกพร่องหรือไม่ ทั้งๆที่ตำแหน่งการยืนของนายวิศเวศ สังข์นคร กับจุดเกิดเหตุนั้น ไม่ได้มีอุปสรรคในการมองเห็น
เหตุการณ์ที่ 5 นาทีที่ 93 นายอภิชาติ เด็นหมาน ผู้เล่นของพีที ประจวบ เอฟซี ถูกสกัดล้มลงในกรอบเขตโทษของขอนแก่น ยูไนเต็ด แต่ นายวิศเวศ สังข์นคร ผู้ตัดสินซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้การปะทะ และสามารถมองเห็นและพิจารณาได้อย่างชัดเจน(ดังวิดีโอที่ได้แนบมา) แต่กลับพิจารณาว่าไม่เป็นลูกจุดโทษ และปล่อยให้เล่นต่อหลังจากเหตุการณ์นั้นนานถึง 1 นาที แต่ทว่ามีการส่งสัญญาณจาก VAR ท้วงติงเข้ามาและเรียกให้ไปพิจารณาการปะทะกัน และผู้ตัดสินได้ไปดู VAR ในนาทีที่ 94 และใช้เวลาพิจารณากว่า 2 นาที จึงกลับคำตัดสินและให้ลูกจุดโทษกับสโมสรพีที ประจวบ เอฟซีในนาทีที่ 96 กว่าที่ผู้เล่นของทีมพีที ประจวบ จะยิงจุดโทษ และกว่าที่ผู้เล่นทีมขอนแก่น ยูไนเต็ดจะกลับมาเขี่ยบอลเริ่มเล่นอีกครั้งนั้นใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 นาที ซึ่งสโมสรมีความเห็นว่าในการนี้ ควรมีการทดเวลาเพิ่มเข้าไปจากเดิมมากกว่า 2 นาทีอย่างแน่นอน ซึ่งทางทีมงานของทีมพีที ประจวบ ได้เข้าไปสอบถามกับ นายภาณุมาศ พันธ์สะโม ผู้ตัดสินที่ 4 ถึงการทดเวลาเพิ่มเติมจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ผู้ตัดสินที่ 4 ยืนยันว่าได้มีการสื่อสารไปยัง นายวิศเวศ สังข์นคร ให้มีการบวกเวลาเพิ่มเข้าไป แต่ทว่ากลับไม่มีการบวกเวลาเพิ่มเติมเข้าไปให้เหมาะสม ซึ่งทำให้สโมสรพีที ประจวบ เอฟซี ต้องสูญเสียโอกาสในการตามตีเสมอ และการทำให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นช้ากว่าที่ควรจะเป็นนั้น นายวิศเวศ สังข์นคร มีเจตนาในการประวิงเวลาให้หมดไปหรือไม่
รวมไปถึงถ้าหากพิจารณาจากการหยุดเกมส์ในกรณีต่างๆ ทั้งการเช็ค VAR การบาดเจ็บของผู้เล่น การปะทะกัน ตลอดการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง จะเห็นได้ว่า การแข่งขันได้มีการหยุดและมีการสูญเสียเวลาไปมากกว่า 6 นาที อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาข้างต้น ทางสโมสรเล็งเห็นว่า พฤติกรรม การตัดสินใจ และการปฏิบัติหน้าที่ ของนายวิศเวศ สังข์นคร ได้เกิดความผิดพลาดขึ้นหลายเหตุการณ์ อีกทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินยังส่อไปในทางการเอื้อผลประโยชน์และทำให้เกิดการเสียเปรียบแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทางสโมสรฯจึงขอร้องเรียนการทำหน้าที่ตัดสินผิดพลาดในนัดนี้ เพื่อให้ทางคณะพิจารณาผู้ตัดสินได้พิจารณาว่าการปฏิบัติหน้าที่ของนายวิศเวศ สังข์นครนั้น กระทำอย่างถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่