บอลโลกบิ๊กอ๊อด พร้อมฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย,เผยแนวทางการพัฒนาบอลไทย
buaksib sport news
สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง
สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง

พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เผยว่าตนเองพร้อมฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเกี่ยวกับผลงานของฟุตบอลชายทีมชาติไทยในเอเชียนเกมส์ ซึ่งถูกวางไว้ว่าเป็นการเตรียมทีมสู่ปรีโอลิมปิกส์ในอนาคต

โดยฝ่ายพัฒนาเทคนิคได้มีการวางแผนระยะยาว ในการเตรียมทีมสู่รอบคัดเลือกของรายการชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-26 มีนาคมปีหน้า เพื่อหา 16 ทีมของทวีปในการแย่งชิงโควตาไปโอลิมปิกส์ 2020 ณ ประเทศญี่ปุ่น

ขณะที่ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ก็ได้เก็บตัวฝึกซ้อม ณ ประเทศสเปน จากความร่วมมือระหว่างสมาคมฯ และลาลีกา เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ในการก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ในอนาคต ตามแผนงานที่วางไว้สำหรับสู้ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก

“การพัฒนากีฬาฟุตบอล หรือการพัฒนากีฬาทุกประเภท จะต้องพัฒนาอย่างเป็นระบบและทุกมิติ ซึ่งระยะเวลา 2 ปี เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาฟุตบอลไทยไปสู่ความเป็นเลิศ” พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เริ่มกล่าว

“อย่างทีมชุดที่ส่งไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของ คุณวิทยา เลาหกุล และ คุณวรวุธ ศรีมะฆะ เราจึงเปิดโอกาสให้น้องๆ ที่อายุต่ำกว่า 23 ปี เลือกที่จะไม่ใช้เอานักเตะอายุเกินเล่น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับปรีโอลิมปิกส์”

“การแข่งขันเอเชียนเกมส์ ไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ ทำให้ไม่สามารถเรียกนักเตะจากสโมสรได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้เราจะมีการพักเบรคเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สโมสรก็ตาม ทำให้ทีมนี้จึงเป็นทีมที่ยังไม่พร้อมสมบูรณ์เต็มร้อย นอกจากนี้นักกีฬาสังกัดสโมสรมีอาการบาดเจ็บไม่สามารถรวมตัวฝึกซ้อมด้วยกันได้”

“ซึ่งถือว่าต่างจากฟุตบอลหญิง ที่ก่อนจะเดินทางไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ ได้มีการเตรียมความพร้อม มีการเก็บตัวตลอดมาทั้งปี สมาคมฯ ส่งไปเก็บตัวที่ประเทศออสเตรเลีย ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศญี่ปุ่น จะเห็นว่าผมพยายามทำให้ดีที่สุดกับทีมชาติทุกชุด ตามเงื่อนไขที่อำนวยตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา”

“ซึ่งแผนการทำงานของสมาคมฯ ในวันนี้ เราตั้งเป้าไว้ที่เยาวชน ซึ่งจะผลิดอกออกผลในอีก 10 ปีข้างหน้า ยกตัวอย่างในขณะนี้ ผมส่งเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ไปเก็บตัวที่ประเทศสเปน”

“ทำไมผมเลือกส่งนักเตะทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ไปเก็บตัว เพราะทีมชาติไทยชุดนี้จะเป็นตัวแทนในการเล่นรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก ปี 2026 ซึ่งเหตุผลที่ผมเริ่มจากรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี เพราะว่าในปี 2026 ทวีปเอเชียจะได้โควตาสำหรับการเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเพิ่มขึ้น ก็หมายความว่าโอกาสของทีมชาติไทยมีมากขึ้น เราจึงต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ เพื่อหวังผลในอีก 8 ปีข้างหน้า”

“ที่ผ่านมาสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทำงานอย่างเป็นระบบ เมื่อมอบหมายให้ใครรับผิดชอบทำอะไร คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบทำหน้าที่นั้นๆ เช่น คุณวิทยา เลาหกุล เป็นอุปนายกฝ่ายพัฒนาเทคนิค รับผิดชอบหน้าที่เป็นประธานฝ่ายเทคนิค คุณวิทยา เป็นคนคัดเลือกโค้ชทุกคนเข้ามาทำหน้าที่ เมื่อมอบหน้าที่แล้วต้องให้เกียรติกันและกันว่าคุณวิทยา เลาหกุล จะเลือกใครมาเป็นโค้ช เขาเองก็ทำได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ก่อนที่น้อง ๆ จะเดินทางไปแข่งขันรายการนี้ ทั้งทีมฟุตบอลชาย และทีมฟุตบอลหญิง ผมได้มีการพูดคุยได้สอนน้อง ๆ ว่า ทุกคนไปทำหน้าที่แทนคนไทย สิ่งที่จะต้องทำคือมีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจ และทุ่มเท ให้ดีที่สุด ต้องสร้างรอยยิ้ม สร้างผลงานที่ดี ให้กับแฟนบอลชาวไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้บอกว่าจะต้องไปให้ถึงจุดนั้นจุดนี้ เพราะมั่นใจว่าสตาฟฟ์โค้ช ทีมงานและน้อง ๆ ทุกคนไม่อยากให้ทีมแพ้ เป็นเรื่องที่ทุกคนเป็นมืออาชีพ มีเกียรติศักดิ์ศรี เพื่อตระกูล และประเทศไทย”

“ผมวอนแฟนบอลอย่าดูเพียงผลแพ้ ชนะ ผมเข้าใจแฟนบอลทุกคน แต่เมื่อมีความคาดหวัง ต้องมีความผิดหวัง ลองย้อนกลับไปมองทีมชาติเยอรมัน เป็นอดีตแชมป์โลก ยังตกรอบแรกการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ เรื่องนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะทำอะไรต่อจากนี้ต้องอยู่บนหลักการและเหตุผล”

“ผมมองว่าการเปลี่ยนโค้ชไม่ใช่ทางออก คือหลังจากที่ทุกคนทำหน้าที่เสร็จสิ้น กลับมาต้องคุยกัน สรุปสิ่งที่เกิดขึ้น ปัญหาอุปสรรคว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อหาแนวทางแก้ไข แล้วค่อยสรุปกันอีกที ต้องคุยด้วยเหตุและผล เราไม่เคยตัดสินโดยการฟังกระแส หรืออคติใดๆ เราจะต้องฟังเหตุผลก่อนตัดสินใจ”

“ส่วนโค้ชคนไหนจะพิจารณาหรือมีความเห็นหรือจะดำเนินการใดๆ เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จะเห็นว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยสั่งปลดโค้ช ไม่เคยสั่งเปลี่ยนโค้ช มีแต่เรียกเข้ามาชี้แจง เว้นแต่โค้ชบางคนไม่ยอมเข้ามาชี้แจง แต่ชิงลาออกไปก่อน”

“ผมเชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่เข้าใจ ผมทราบดีว่าในสังคมโซเชียลมีทั้งหวังดีและไม่หวังดี อย่างไรก็ตามผมจะทำอะไรก็แล้วแต่จะยืนอยู่บนหลักข้อมูลและเหตุผล ไม่ใช่เมื่อจบรายการแข่งขันทุกรายการจะต้องปลดโค้ช เปลี่ยนโค้ช มันไม่ใช้เรื่องที่เราทำด้วยความรู้สึกหรือทำตามกระแส”

“ผมไม่ได้ปกป้อง คุณวิทยา เลาหกุล หรือ คุณวรวุธ ศรีมะฆะ ไม่ได้ปกป้องทีมงาน และนักกีฬา แต่เป็นหลักการทำงานของผม ผมพร้อมชี้แจงการทำงาน ตลอดระยะเวลา 2 ปี เพราะฉะนั้นวันนี้บอกเลยว่ายังไม่คิด หรือตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลจากโค้ชทีมงานผู้ฝึกสอน หรือนักกีฬาก่อน ผมเชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่มีเหตุผลและวิจารณญาณครับ”

ขอขอบคุณ : Fair

buaksib sport newsbuaksib sport news