บิ๊กอ็อด ยืนยันว่าเขาจะทำให้การลาออกของเขา ไม่ส่งผลกระทบ ต่อวงการฟุตบอลไทย และยังไม่คิดทิ้งปัญหาทุกอย่าง
บิ๊กอ็อด พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ยืนยันว่าตัวเขาพร้อมลาออก แต่จะพยายามหาทางเพื่อไม่ให้กระทบต่อวงการฟุตบอลไทย
สำหรับ สมยศ ตอนนี้ได้ยืนยันว่าพร้อมลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฯ แต่ก็มีหลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะทำให้ถูกฟีฟ่า แบน
“ขณะนี้เรื่องการลาออกยังอยู่ระหว่างการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับลักษณะปกครองสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ระบุเรื่องการพ้นจากตำแหน่งของนายกสมาคมฯ ไว้ว่า หมดวาระ 4 ปี, ขาดการประชุมเกิน 4 ครั้ง, กระทำการหรืองดเว้นกระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ และที่ประชุมใหญ่มีมติถอดถอน ฯลฯ ซึ่งตรงนี้ก็ได้รับคำแนะนำจาก ฟีฟ่า,เอเอฟซี และ การกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าหากการลาออกด้วยเหตุผลที่ขัดต่อข้อบังคับ หรือระเบียบของฟีฟ่า จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อวงการฟุตบอลไทย” บิ๊กอ็อด กล่าว
“โดย เอเอฟเอฟ, เอเอฟซี และ ฟีฟ่า ได้ให้ความสนใจและมีการสอบถามข้อมูลถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย และอาจเสียโอกาสในการพัฒนาจากความร่วมมือในการทำโครงการต่างๆ ร่วมกัน รวมถึงกระทบต่อการที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมใหญ่สามัญประจำปี FIFA Congress ครั้งที่ 74 ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 หากเหตุผลของการลาออกขัดต่อข้อบังคับฯ ทั้งนี้ จะมีหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษร เข้ามาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”
“ในระหว่างนี้ ผมยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามปกติ ยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง และไม่คิดจะหนีปัญหา โดยจะมีการประชุมสภากรรมการในวันที่ 3 กรกฏาคม 2566 เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา อย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ให้สำเร็จลุล่วง ตามแนวทางของสโมสรสมาชิก หากไม่ขัดต่อข้อบังคับฯ เพื่อให้วงการฟุตบอลสามารถเดินหน้าต่อไปได้ทั้งองคาพยพ โดยพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนผู้มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพ ที่จะเสียสละ เข้ามาแก้ปัญหา และพัฒนาให้วงการฟุตบอลต่อไป”
“ผมยืนยันว่า จะปฏิบัติตามคำสั่งของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิค ที่แจ้งในการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งท่านได้มีคำสั่งให้ผมลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อรับผิดชอบกับผลการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ และการทะเลาะวิวาท ที่ประเทศกัมพูชา โดยจากนี้จะได้หารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามขั้นตอนตามข้อบังคับฯ ให้ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมต่อไป”