พอล บาร์เบอร์ ซีอีโอของ ไบรจ์ตัน ได้ออกมาเปิดเผยว่าพรีเมียร์ลีกไม่เคยเจรจาเรื่องให้ฤดูกาลนี้เป็นโมฆะ หลังมีกระแสว่าจะทำให้ฤดูกาลนี้เป็นโมฆะหลังเกิดระบาดของไวรัสโควิด-19
โดย พรีเมียร์ลีกหยุดเล่นมาตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม เพราะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และพรีเมียร์ลีกยังแข่งไม่จบมีหลายนัดที่ยังตกค้างทำให้ส่งผลต่อ การตัดสินแชมป์, พื้นที่ยุโรปและทีมตกชั้น
ซึ่ง บาร์เบอร์ ได้ออกมายืมยันว่าทั้ง 20 สโมสรของพรีเมียร์ลีกตั้งใจเล่นให้จบซีซั่นครบ 38 นัด เมื่อการระบาดของไวรัสนั้นหายไป
ทั้งนี้ พอล บาร์เบอร์ โดนถามถึง เรื่องการโมฆะลีกหรือไม่ บาร์เบอร์ กล่าวว่า “ไม่เลย”
“เหมือนอย่างที่ผมเคยพูดไปหลายหนตั้งแต่ก่อนมีวิกฤตนี้แล้ว มุมมองของทุกคนคือเราลงสนามซีซั่นนี้เพื่อเล่นให้ครบ 38 นัดและเราอยากให้เป็นแบบนั้นด้วยการเล่นเกมเหย้า 19 นัดและเกมเยือนอีก 19 นัด”
“ในความคิดแล้วก็อยากให้อยู่ในสภาวะเดิมที่เต็มไปด้วยแฟนบอล แต่ผมว่าเพราะสิ่งที่เราพบจากการระบาดครั้งนี้ทำให้เรายอมรับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปลายซีซั่นนี้ มันก็จะไม่สมบูรณ์แบบ”
“เราหยุดแข่งกันมาพักใหญ่แล้ว หนสุดท้ายที่เราลงสนามคือเกมพบกับ วูลฟ์ส เมื่อวันที่ 7 มีนาคม”
“ราวกับว่ามันผ่านมานานแล้ว แต่เราก็ตระหนักเช่นกันว่าไม่ถูกต้องเท่าไหร่นักที่จะคุยเรื่องฟุตบอลเมื่อมีคนเสียชีวิตวันละ 700-800 คน”
“เป็นช่วงเวลาที่น่าสิ้นหวังสำหรับหลายๆคนทั่วประเทศ เราเป็นห่วงคนเหล่านั้นที่ต้องพบกับความเจ็บปวดในช่วงเวลาแบบนี้”
“แต่ฟุตบอลก็สำคัญกับเราเหมือนกันเพราะนี่คือธุรกิจของเรา แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ตระหนักดีว่าควรเล่นให้ถูกจังหวะและถูกวิธีเมื่อมันปลอดภัยที่จะกลับมาลงสนาม”
“แต่ก่อนอื่นเลยผมว่าทุกคนตั้งใจจะเล่นให้จบฤดูกาลนี้ถ้าหากทำได้ แต่เราก็ห่วงสุขภาพของประชาชนพอๆกันและไม่อยากสร้างแรงกดดันให้ NHS มากไปกว่านี้”
“มันเป็นเรื่องของการหาความสมดุล ระหว่างการเล่นซีซั่นนี้ให้จบและไม่ไปรบกวนความพยายามของรัฐบาลที่ต้องการให้ทุกคนปลอดภัย”