หลังจบเกมแรกของทีมชาติไทย U23 มีคำวิจารณ์มากมายเกิดขึ้น หลังจากทีต้องไล่ตีเสมอเวียดนาม ในช่วงทดเจ็บ และทุกอย่างก็พุ่งเป้าไปที่ วรวุธ ศรีมะฆะ
ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ของ วรวุธ ศรีมะฆะ ถูกยกย่องอย่างสูง ว่าเป็นอีกหนึ่งทีมยุคทอง โดยเฉพาะการมีนักเตะที่ค้าแข้งต่างแดน มาร่วมทีมมากมาย
ไล่ตั้งแต่ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร จาก เลสเตอร์ ซิตี้, เบนจามิน เดวิส จาก อ็อกฟอร์ด หรือ นิโคลัส มิคเคลสัน และ โจนาธาน เข็มดี จาก โอบี โอเดนเซ่ รวมถึง ตัวไทยลีก ที่ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ทั้ง กฤษดา กาแมน ของชลบุรี เอฟซี หรือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ตาม หลังผ่านเกมแรก เสียงวิจารณ์ก็ประเดประดังเข้ามา หลังทีมต้องไล่ตีเสมอ เวียดนาม ชนิดที่แบบเกือบแพ้ โดยเฉพาะตัวของโค้ชโย่งที่โดนกระแสอย่างหนัก ว่าวัตถุดิบดี แต่พ่อครัวไม่ดีพอ
คำถามคือมันเป็นเพราะอะไร? นักเตะไม่เก่ง หรือโค้ชไม่เก่ง
– เมื่อเกมฟุตบอล ไม่ใช่ วินนิ่งในโหมด มาสเตอร์ลีก
แน่นอนหลายคนคิดภาพแค่ว่า แค่มีนักเตะที่ดีที่สุดมารวมตัวกันได้ เราก็สามารถเอาชนะได้แบบสบาย แต่ฟุตบอลในชีวิต จริงมันแตกต่างจาก วินนิ่ง ในโหมด มาสเตอร์ลีก
การที่เอานักเตะทุกคนที่ดีที่สุดมารวมตัวกันได้ ถือเป็นเรื่องดี แต่ฟุตบอลไม่ใช่กีฬา ที่อาศัยแค่ความสามารถเฉพาะตัวอย่างเดียวและเอาชนะได้ แต่มันต้องอาศัยระยะเวลา, ทีมเวิร์ค, ความเข้าใจ ที่มันมีประเด็นมากมาย และหลายองค์ประกอบ ที่มันจำเป็นต้องดีกว่านี้
– อุปสรรคสำคัญ
นิโคลัส มิคเคลสัน เพิ่งมาสมทบในสภาพเจ็ตแลกในวันที 28 ก่อนเดินทางวันเดียว นักเตะจากชลบุรี เอฟซี เพิ่งมาสมทบกับทีมในสภาพร่างกายที่ล้า เช่นเดียวกับคนที่ไปซีเกมส์ ขณะที่ตัวนักเตะจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็เพิ่งเดินทาง ไปสมทบ และได้ซ้อมกับทีมก่อนเกม เวียดนามได้ 1 วัน เท่านั้น
นี่่คือเรืองสำคัญ มันคือเรืองของระยะเวลาเตรียมทีม นักเตะยังขาดความเข้าใจกัน และมันคือเรืองที่สำคัญมาก นักเตะที่ดีอย่างเดียวมันไม่เพียงพอจริงๆ ณ จุดนี้
– วิธีแก้ไข
การจัดการทุกอย่างมันดูผิดพลาดไปหมด ทั้งการมีซีเกมส์ มาแข่งขันก่อนรายการนี้ หรือการเลื่อน โปรแกรม ลีก คัพ ที่มาจบในวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ตรงกับวันที่ทีมเดินทาง และอีกหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น
นี่คือเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้ทีมชาติ ไม่ได้เตรียมทีมในสภาพที่พร้อมที่สุด เพราะต่อให้นักเตะที่ดีแค่ไหน ถ้าต่างคนต่างวิ่ง ต่างคนต่างมองคนละมุม มันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทีมไปถึงเป้าหมายที่หลายคนวางไว้
– คู่แข่งก็มีตีน
อีกสิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม พอมองว่าเป็นเพื่อนร่วมภูมิภาคอาเซียน ไทยเราจะต้องกดให้ได้ แบบเหนือชั้น ยึดติดกับคำว่าเราคือเบอร์ 1 อาเซียน เจอเพื่อนร่วมภูมิภาค เราต้องชนะแบบสบายๆ ขาดลอย
จนลืมไปว่าพวกเขาเองก็มีความสามารถ ลืมไปว่าพวกเขาเองก็มีการเตรียมทีมที่ดี อย่าลืมว่าไทยตอนนี้เองก็อยู่อันดับ 100 กว่าของโลกในฟีฟ่า แรงกิ้ง เราไมได้ต้องการกดไทย แล้วเชิดชู คู่แข่ง แต่คุณต้องมอง ความจริงที่ว่า เราไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลก หรือทีมที่ดีที่สุด ที่แพ้ไม่เป็นตลอดเวลา
เราจะไปมองแต่ว่าเขาก็แค่เวียดนาม เขาก็แค่ชาตินี้ หรือมองกดตัวเองว่าไทยเราทำได้แค่นี้หรอ มันไม่ใช่เรืองจำเป็นเลย
– บทพิสูจน์ของ วรวุธ ศรีมะฆะ
แน่นอนว่า ทุกความรับผิดชอบของทัวร์นาเมนต์นี้ คือ ตัวของเฮดโค้ชที่จะต้องแสดงออกมา ว่าในวิกฤต คนที่เป็นเฮดโค้ชจะต้องแก้ไขทั้งหมดได้ คนที่เป็นเฮดโค้ชจะต้องวางแผนที่ดี ทำให้ทีมได้รับชัยชนะ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน และในเกมแรก ก็เห็นได้ชัด ทั้งการเปลียน เบนจามิน เดวิส ลงไปยิง หรือ เปลี่ยนกรวิชญ์ ทะสา ลงไปแอสซิสต์
แน่นอนว่าอุปสรรคทุกอย่าง หลายคนอาจจะมองว่าเป็นข้ออ้าง แต่นั่นคือสิงที่เฮดโค้ชต้องทำ ไมมีงานไหนที่ง่าย โดยเฉพาะการคุมทีม สำหรับโค้ชที่ไม่ใช่แค่วางแผน แต่ต้องจัดการทีมทั้งเรื่องในและนอกสนาม เพือให้ทีมอยู่ในสภาพพร้อมที่สุด
– บทสรุป
หลังจบเกมกับเวียดนาม มาเลเซีย คือบทพิสูจน์ต่อไปของทีม ว่าโค้ชจะสามารถแก้ไขอย่างไร หลังจากที่ได้เห็นนักกีฬามาแล้วหลายคน ใครเล่นได้ไม่ได้ ใครเข้าขากับใคร
เกมกับมาเลเซีย ถือเป็นการนับหนึ่งไม่อีกครั้ง การเสมอนัดแรก ไม่ใช่เรืองที่เสียหาย สิ่งสำคัญคือต้องเดินหน้าต่อไป ท่ามกลางอุปสรรคที่เกิดขึ้นมากมาย
แน่นอนว่าหากทีมตกรอบแรก โค้ชโย่งคือคนแรก ที่ต้องรับแรงกระแทกเต็มๆ แต่ถ้าหากเข้ารอบน็อคเอาท์ ได้เหมือนครั้งก่อน โค้ชโย่งก็ควรจะเป็นอีกคนที่ได้รับเครดิต ในการจัดการทีมภายใต้อุปสรรค จนสามารถตามรอย อากิระ นิชิโนะ ได้ในครั้งที่แล้ว