การสะดุด สองนัดติดต่อกัน ถือเป็นเรื่องปกติของ ทีมฟุตบอล แต่สำหรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมที่หลายคนคิดว่าจะคว้าแชมป์ไปครอง ถือเป็นเรื่องที่ดูจะไม่ปกติ
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม แฟนบอล ไทยลีก ทุกทีม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยกแชมป์ให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปเถอะ
เพราะนอกจากการเข้ามาของ มาซาทาดะ อิชิอิ ยอดโค้ชชาวญี่ปุ่น แล้ว ยังมีนักเตะคุณภาพมากมาย ที่เข้ามาเติมเต็มในช่วงเลกสอง ไม่ว่าจะแข้งไทย อย่าง ธีราทร บุญมาทัน หรือ ศศลักษณ์ ไหประโคน และ นักเตะต่างชาติที่มาใหม่ อย่าง อายุบ มาชิก้า และ โจนาธาน โบลิงกิ
ผลงานในช่วงเดือนมกราคม เปรียบเป็นเหมือน ช่วงฮันนีมูน หลังทีมคว้าชัยชนะได้เรียบวุธ นำโด่งเป็นจ่าฝูง พร้อมยังอยู่ในเส้นทางของฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการ
แต่แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ มันกลายเป็น ช่วงเวลาทดสอบ เปรียบเหมือนแฟนกัน ที่ดูใจกันมา ช่วงแรกเป็นโปรโมชั่น พูดอะไรก็เข้าหู ทำอะไรก็เข้าตา พอเดือนต่อมา เริ่มเห็นข้อบกพร่อง
การเสมอ โปลิศ เทโร เอฟซี และ แพ้ต่อ พีที ประจวบ เอฟซี ในบ้านที่พวกเขาไม่เคยแพ้ กลายเป็นบททดสอบของบุรีรัมย์
แต่เมื่อมองลึกไปถึงรายละเอียด อะไรคือตัวแปรที่ทำให้ บุรีรัมย์ ไมได้ผลการแข่งขัน?
ชัดเจนเลย ปัจจัยแรก คือการจบสกอร์ที่ขาดความเฉียบคมของทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน และมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในสองนัดดังกล่าว แต่มันชัดเจน ตั้งแต่เกมกับเมืองทอง และ ทรู แบงค็อก ที่พวกเขาเฉือนชนะไปแบบหวุดหวิด
กล่าวคือทุกเกม บุรีรัมย์ จะสร้างโอกาสได้มากมาย แต่แปรเปลี่ยนเป็นประตูได้ค่อนข้างน้อย แต่ในช่วงก่อนหน้านั้นเกมรับของทีมยังสามารถเก็บคลีนชีตได้
ปัจจัยที่สองคือเรื่องของเกมรับ มันเป็นเรื่องปกติ ของฟุตบอล เมื่อคุณทำเขาไมได้ เขาก็มีโอกาสลงโทษคุณ เหมือนอย่างเกมกับ เทโร สร้างโอกาสได้มากมาย แต่เมื่อสกอร์ยังนำแค่ประตูเดียว ฝ่ายตรงข้ามก็มองว่าพวกเขายังมีโอกาส
และเมื่อบุรีรัมย์ พยายามเดินหน้าเอาประตูที่สอง ก็กลายเป็นว่า ฝ่ายตรงข้ามเองก็ไมได้คิดมาอุดอย่างเดียว และพยายามหาทางตอบโต้ และกลายเป็นว่า สองเกมหลัง พวกเขาเสียประตูให้เทโร และ ประจวบ ในลักษณะ คล้ายคลึงกัน และจำนวนที่ 2 ประตู จนทำให้พวกเขามีแค่แต้มเดียวจากสองเกมหลัง
เพราะฉะนั้น นี่คือโจทย์ ที่บุรีรัมย์ จำเป็นต้องปรับปรุง มันคือเรื่องรายละเอียด และความแม่นยำ ในพื้นที่สุดท้ายของทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นเกมรุกหรือเกมรับ
เพราะแน่นอนตอนนี้ ภาพรวม แนวคิด คอนเซปต์ทีมคือชัดเจน ครองบอล และพยายามหาทางสร้างโอกาส แต่จะทำอย่างไรล่ะ ที่จะเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้มากขึ้น และที่สำคัญยังต้องปิดโอกาส ในการเสียประตูให้กับฝ่ายตรงข้ามด้วย
ถามว่า ณ เวลานี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังเป็นเต็งแชมป์หรือไม่?
คำตอบก็ยังคงชัดเจน เพราะด้วยสถานการณ์ของตารางคะแนนในตอนนี้ บรรดาทีมตามเองก็สะดุดตาม และช่องว่าง 5 คะแนน ก็ไม่ใช่ง่ายในการลดลงมา
ซึ่งหลังผ่านสองนัด แน่นอนว่า หลายคนเริ่มหวั่นใจ และมองว่า เส้นทางยังอีกยาว แต่นี่เป็นแค่บททดสอบแรกเท่านั้น
บางที มันอาจจะมีนัดที่ 3 นัดที่ 4 แต่มันอยู่ที่ว่า บุรีรัมย์ ยัง Trust on the Process ของ มิสเตอร์ อิชิอิ หรือไม่
อย่างที่บอก กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จวันเดียวฉันใด การประสบความสำเร็จของทีมฟุตบอลก็ไม่ได้มองแต่ 1 วัน 1 เดือน หรือ 1 ปี ฉันนั้น เพราะชีวิตจริงก็เหมือนละคร หากไม่มีอุปสรรคเข้ามา ตอนจบมันอาจจะไม่ลึกซึ้งกินใจ