นายกส.บอล กล่าวถึงทัพ “ช้างศึกยู18” ก่อนดวล เสือเหลือง 12 ก.ย.นี้ ทีมชาติไทย สามารถเก็บชัยชนะได้ 4 นัดต่อต่อกัน ทำให้มี 12 คะแนน พร้อมกับการันตี การผ่านรอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโปรแกรมนัดสุดท้ายนั้น ไทย จะต้องชิงอันดับที่ 1 ของกลุ่มเอ กับทีมชาติ มาเลเซีย ที่มีคะแนนเท่ากัน ซึ่ง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กล่าวถึงการแข่งขันครั้งนี้ของทัพ “ช้างศึกยู18” ว่า “การแข่งขันฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์อาเซียน 2017 ที่กำลังแข่งขันที่ประเทศเมียนมา ซึ่งมีทีมงานจากบริษัท เอคโคโนฯ ควบคุมทีมอยู่นั้น ฟอร์มการเล่นที่ผ่านมาเราชนะได้ตลอดทุกเกมนะครับ” “ต้องบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการฝึกสอนจากรูปแบบเดิมๆ เป็นรูปแบบใหม่ เราเน้นประสิทธิภาพในการเล่น และเน้นเรื่องผลการแข่งขัน ตอนนี้นักเตะอาจยังไม่คุ้นเคยกับรูปแบบของผู้ฝึกสอนจาก เอคโคโน แต่ต้องบอกกับแฟนบอลชาวไทยว่า รูปแบบการเล่นในช่วงนี้อาจยังไม่ถูกใจแฟนบอลเท่าที่ควร ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ และถูกวิธี จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคตครับ” “ผมคิดว่าแนวทางที่สมาคมฯ เลือกใช้ผู้ฝึกสอนชาวต่างชาติของ เอคโคโน ในการเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยทุกรุ่นอายุตั้งแต่ 14-21 ปี จะช่วยสร้างความต่อเนื่อง และสร้างความกลมกลืนรูปแบบการเล่นอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกัน เพราะการบริหารของ เอคโคโน เขาจะให้โค้ชสลับกันทำหน้าที่ นักเตะรุ่นเล็กจะถูกดูแลโดยโค้ชจากชุดใหญ่ด้วย ซึ่งจะทำให้เขาเห็นฝีเท้า เห็นความสามารถของนักเตะ เพื่อที่จะคัดเอานักเตะที่มีคุณภาพ จากรุ่นเล็กไปเล่นในรุ่นอายุที่สูงขึ้นต่อไป ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ปี เพื่อให้แนวทางการเล่นไปในทางเดียวกัน” “การทำงานของ เอคโคโน ซึ่งเป็นบริษัท ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ดูแลเยาวชนของประเทศญี่ปุ่น และสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถ้าเราให้เวลาเขาสัก 2-3 ปี ผมคิดว่าน่าจะเห็นผลการพัฒนาเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคตครับ” “น้องๆ นักเตะทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ถือเป็นนักเตะที่ต้องพัฒนาไปเล่นในทีมรุ่นอายุ 19-23 ปี ในอนาคต สิ่งที่ผมอยากจะปลูกฝังนักเตะคือการมีวินัย และทัศนคติแนวความคิดของนักฟุตบอลอาชีพ การจะเป็นนักกีฬาอาชีพที่ดี รวมทั้งเป็นนักเตะทีมชาติไทยที่ดี ต้องมีวินัยต่อตัวเอง และผู้ฝึกสอน ต้องหมั่นดูแลสุขภาพ ถ้ามีวินัยดูแลสุขภาพ ผมเชื่อว่านักเตะจะสามารถประสบความสำเร็จได้ในอนาคต” “ผมสอนนักกีฬาอยู่เสมอว่า ต้องเล่นฟุตบอลด้วยสติปัญญา และมีสมาธิในการเล่นฟุตบอล และต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ หากไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ เมื่อได้รับใบเหลืองหรือใบแดง อาจส่งผลกระทบ รวมทั้งสร้างความเสียหายต่อทีมได้” “เมื่อนักเตะก้าวมาถึงจุดนี้ผมคิดว่าทุกคนยังไม่ประสบความสำเร็จที่สุด สิ่งที่ผมอยากเห็นคือ นักเตะทุกคนในชุดนี้สามารถก้าวขึ้นมาเล่นลีกอาชีพทั้งในและต่างประเทศ การเป็นนักเตะทีมชาติไทย ถือเป็นเกียรติยศ และสร้างชื่อเสียงแก่วงษ์ตระกูลและที่สำคัญเขาจะมีรายได้ที่ดีขึ้นในอนาคต” “เมื่อมีอนาคตที่ดี นักเตะทุกคนต้องอย่าหลงตัวเอง อย่าคิดว่าตนเองเป็นนักเตะทีมชาติไทย ยู 18 แล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จ นี่เพิ่งอยู่ระหว่างการเดินทางสู่อนาคต อย่าติดกับความสำเร็จ อย่าคิดว่าตนเองเป็นซูเปอร์สตาร์แล้ว ถ้าคิดแบบนั้นความล้มเหลวจะมาสู่เขาเองครับ” “ส่วนการแข่งขันที่เหลือผมคิดว่าเราต้องให้ความสำคัญกับทุกทีม เราจะไม่มองทีมใดทีมหนึ่งเป็นพิเศษ ทุกทีมเตรียมตัวมาดีนะครับ ที่สำคัญ เราต้องไม่ประมาท เราอย่ามองคู่ต่อสู้ด้อยกว่า และที่สำคัญทีมเวิร์คจะทำให้เรามีชัยชนะได้ ผมเชื่อในศักยภาพนักเตะไทยชุดนี้ และผู้ฝึกสอน และคิดว่าเราจะเอาชนะ มาเลเซีย ในเกมต่อไปได้” “การที่ผมเป็นนายกสมาคมฯ ผมจะไม่พูดถึงเงินอัดฉีด ผมจะเรียกว่าเงินรางวัล เงินรางวัลสำหรับคนที่มีผลงาน เราจะไม่บอกว่าถ้าชนะจะได้เงินเท่านั้นเท่านี้ ผมไม่อยากให้น้องๆ ที่ไปทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งชาติเสียเกียรติ เพราะเหมือนกับว่าเราไปเล่นเพื่อแลกเงิน อย่างทีมชาติไทยที่เพิ่งไปแพ้ ออสเตรเลีย ผมก็มีเงินรางวัลให้ เพราะแม้จะไม่ชนะ แต่ทุกคนเล่นเต็มที่ ทุ่มเท แฟนบอลชื่นชมว่าเล่นได้อย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งทำให้เห็นว่าฟุตบอลไทยมีการพัฒนาผมก็จะให้รางวัลครับ” สำหรับการแข่งขันฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์อาเซียน 2017 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้ายของสายเอ ระหว่าง ไทย พบ มาเลเซีย จะแข่งขันวันที่ 12 กันยายน 2560 ที่สนามธุวันนา สเตเดียม ในเวลา 15.30 น. ตามเวลาประเทศไทย และจะถ่ายทอดสดทางช่องไทยรัฐทีวี ซึ่งหากทีมใดชนะจะสามารถคว้าแชมป์กลุ่มได้ทันที เครดิต : FA Thailand