ธชตวัน ศรีปาน ยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่กับคำวิจารณ์ ที่บอกว่า ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด วนลูปเหมือนทุกปี ที่พลาดแชมป์ไทยลีก
ธชตวัน ศรีปาน ยืนยันว่าไมได้ใส่เรื่องคำวิจารณ์เรื่องการวนลูป และมองว่า ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็บรรลุเป้าหมายบางอย่างเหมือนกันในปีนี้
แบงค็อก สะดุดในช่วงท้ายและตอนนี้กำลังจะพลาดแชมป์ไทยลีกไปอีกปี แต่ก็ยังมีลุ้นในเอฟเอ คัพ
“ทุกอย่างในทางทฤษฎี ยังเกิดขึ้นได้หมดอย่างที่คุยกัน แต่ 3-4 เกมที่ผ่านมา เราพลาดเรื่องคะแนน แต่ละเกมก็จะพยายามโฟกัสทีมเรา ไม่ได้มองผลของบุรีรัมย์เลย แต่ไมได้ผลการแข่งขันที่ดี เพราะไปเสมอขอนแก่น และ ประจวบ พอมันไม่ได้ ก็พยายามโฟกัสสามคะแนนทุกเกม ไม่ว่าผลการแข่งขันของคู่ต่อสู้จะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้โฟกัสขนาดนั้น แต่ว่าเราก็พยายามทำงานที่เหลือของเราให้ดีที่สุดเพื่อแฟนบอล และผลงานของทีมเราและตัวเราเอง เพื่อสร้างความมั่นใจต่อไปจนถึงแมตช์ที่จะเจอกับ ดีพี กาญฯ ในนัดชิงช้าง เอฟเอ” โค้ชแบน กล่าว
“เรื่องการใช้ดาวรุ่ง มันไม่มีตรรกะหรือทฤษฎีที่บอกว่าใช้แล้วจะดี มันมีแต่ผลการแข่งขันเกิดขึ้นแล้ว ทุกคนก็วิจารณ์ได้ เกิดผมโรเตชั่น พักตัวหลัก ผลงานไม่ดี ก็โดนเหมือนเดิม งานโค้ชก็อยู่ได้ด้วยผลงาน พอการตัดสินใจเราก็เลือกสิ่งที่ดีที่สุดจากหน้างานในการซ้อมทุกวัน เรารู้ศักยภาพนักเตะเราเองทั้งตัวจริงและตัวสำรอง ผมต้องเลือกส่งสิ่งที่ดีที่สุด แม้สุดท้ายไมได้ผลการแข่งขัน แต่ผมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดลงสนามเสมอ คนส่วนใหญ่มองหลังเกม มันพูดง่าย ว่าควรโรเตชั่น พอเราแพ้ ก็บอกว่าไม่ใช่สำรองจนตัวหลักล้า ถ้าส่งตัวสำรองลงไปแล้วเกิดพลาดโดนนำ ตัวจริงจะแก้ไขได้หรือไม่ มันก็เป็นอีกเรื่อง ทุกอย่างหลังจบเกม ใครก็วิเคราะห์ได้ สุดท้ายก็ยอมรับที่ทุกคนแสดงความคิดเห็น แต่เราทำงานก็เชื่อในสิ่งที่เราทำ”
“เราก็ตอบสนองนโยบาย เป้าหมายสโมสร นโยบายสโมสร สิ่งที่ผู้บริหารตั้งงบประมาณ และเป้าหมาย ทุกคนอาจจะมองว่าเรามองภาพยุคเฟื่องฟูยุคก่อนที่มีนักเตะระดับท็อป ต่างชาติก็ดีเสริมทัพก็ดี ใช้งบประมาณก็สูง ซึ่งมันถึงช่วงเปลี่ยนถ่ายที่ผมเข้ามา นโยบายวิธีการ สปอนเซอร์ งบประมาณไม่เหมือนเดิม ก็ต้องเหมาะสมกับขนาดของทีม และเป้าหมาย ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ผมมองว่าผู้บริหารก็คาดหวังว่าจะอยู่อันดับบนๆ ลุ้นแชมป์ การคาดหวังจะเป็นแชมป์ก็ต้องมีเวลาที่เหมาะสม และพอโอกาสเข้ามา เราก็ทำได้ ยอมรับในสิ่งที่เราตั้งงบประมาณเอาไว้ในแต่ละปี จะได้ผลการแข่งขันว่าจะได้ตามเป้าในแต่ละปี ผู้บริหารไมได้คาดหวังว่าต้องได้แชมป์เท่านั้น แต่แค่ทำผลงานได้ดี มีลุ้นแชมป์ ก็จะประสบความสำเร็จกับงบประมาณที่ตั้งไว้ ถ้าใครหลายคนมอง 4 ทีมบิ๊ก ผมเชื่อว่าเราใช้งบประมาณน้อยที่สุด แต่ทุกคนไมได้คาดหวังเลยในช่วงต้นฤดูกาล ตั้งแต่ปรีซีซั่น และการเสริมทัพที่ล่าช้า ตัวนักเตะก็ไมได้เสริมมาก ว่าไป ACL ไม่ติดท็อปโฟร์ ไมได้ลุ้นแชมป์ และน่าจะดร็อปแค่สู้ได้ แต่สิ่งที่เราทำแสดงให้เห็นแล้วว่า เราได้แต้มเป็นจ่าฝูงและสะดุดในช่วงท้าย ส่วน ACL เราก็ทำได้ดี และได้เข้าชิงบอลถ้วย กับงบประมาณ ในการเสริมทัพ ซึ่งไม่ได้หวือหวาเหมือนท็อปโฟร์ ถ้ามองกันตรงนี้ คิดว่าเราไม่น่าพอใจอีกหรอกับสิ่งที่เราทำมา กับการวนลูปทุกคนพูด ทุกคนมองบุรีรัมย์ ที่เสริมทัพเลกสอง น่าจะมองกลับไป ถ้าบุรีรัมย์ เสริมขนาดนี้คือเรื่องแปลก ผมพยายามทำฟุตบอลตามนโยบายและลุ้นแชมป์ไปสุดท้าย เราจะสะดุดก็เป็นปัจจัยของตัวนักเตะ ขนาดทีม ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น เราไม่ได้เป็นทีมระดับบิ๊กโฟร์ที่ลุ้นแชมป์ แล้วเสริมทัพมากมาย เราประเมินว่าเราเป็นทีมใหญ่ที่ต้องการลุ้นแชมป์ทุกปี”
“สองเกมที่เหลือก็คงใช้ตัวหลัก เพื่อให้มีแมตช์ฟิต และต่อยอดในบอลถ้วยนัดชิง ถ้ารักษาสภาพร่างกายนักเตะแบบเต็มร้อยไม่ให้เจ็บหรือเก็บนัดชิงเลย อาจจะทำให้ขาดแมตช์ฟิต และสภาพร่างกาย ก็อาจจะเสี่ยงเจ็บ แต่ว่าเราพยายามรักษาโมเมนตัม ให้เขามีแมตช์เล่น และความกระหายเพื่อต่อยอดนัดชิง ส่วนเทโร ก็เห็นใจกับปัญหามากมายในช่วงที่ผ่านมา ทั้งงบประมาณ และการเสริมทัพ เลกสองก็เปลี่ยนถ่ายผู้เล่นที่มีตัวใหม่ เสียตัวเก่า ทำให้ทีมไม่ลงล็อคในการเล่น และความเข้าใจ ทำให้สะดุด แต่ว่าการไปเยือน ทุกเกมที่เจอทีมท้ายตารางมันหนักหมด ไม่มีอะไรการันตีว่าเราจะเอาชนะเขาได้แน่นอนในการเยือนทีมเล็ก เพราะทีมหนีตกชั้น หรือไม่มีผลแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาจะปล่อย เขาก็ต้องเล่นเพื่อแฟนบอลเต็มที่ ก็เป็นงานหนักสำหรับเรา ที่ออกไปเยือนคู่ต่อสู้เล่นเกมรับแน่นๆ คิดว่าเจอเทโร เขาจะเปิดเกมเจอกับเขา ในขณะที่เขาไม่ต้องกดดัน และอาจจะเล่นสบายกว่าเดิม เล่นได้ผลการแข่งขันตามที่เขาอยากได้ แต่เราก็อยากได้สามแต้ม น่าจะเป็นเกมที่สนุก และอาจจะไม่ง่าย”
“ฤดูกาลหน้าก็มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว แต่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะสถานการณ์ของลีก และบอลถ้วยก็ยังไม่จบร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมถึงสถานการณ์ตัวนักเตะหลายคนเรื่องสัญญาที่จะหมด ก็อยู่ในช่วงที่ผู้ใหญ่ประเมิน หรือแม้แต่สตาฟฟ์เองก็ตอบไมได้แน่นอนในเรื่องของอนาคต เพราะสัญญาของเราก็กำลังจะหมด ยังตอบไม่ได้ในตอนนี้แต่ก็เกริ่นๆคุยกันบ้างแล้ว สำหรับอนาคตตัวผม ก็ให้ผู้บริหารประเมินตัวผม ส่วนตัวเองก็พร้อมจะทำต่อ การต่อยอดหรือการทำงานที่มันไม่ต้องปรับเปลี่ยนสถานที่บ่อยๆ ก็ทำให้เราทำงานด้วยความคุ้นชิน ยิ่งทำให้เราเข้าใจกับสโมสร และนักเตะที่อยู่ด้วยมานาน ก็เข้าใจมากขึ้นและต่อยอด อยู่ที่ผลงาน ให้ผู้บริหารเป็นคนประเมิน”