วางดราม่าทั้งหมดลงไป แล้วมาคุยกันด้วยเหตุผลทั้งหมด เพื่อปรับความเข้าใจกันให้ตรง ไม่ต้องเข้าข้างใคร ไมต้องด่า เชียงราย หรือใคร ไม่ต้อง ค ไม่ได้หิวแสง แต่มามองกัน เอาความถูกต้องมาก่อนความถูกใจ และสิ่งที่ต้องเดินต่อไป
การพลาดโอกาสเป็นเจ้าภาพรอบแบ่งกลุ่มของ เชียงราย ในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ถือเป็นเรืองที่น่าเศร้า และน่าเสียดายสำหรับเชียงราย เพราะมันกลายเป็นการปิดโอกาส ที่จะทำให้ เชียงรายได้แสดงให้เห็นถึง ความเป็นล้านนา ความเป็นเมืองเหนือ
แน่นอนว่าแฟนบอลย่อมผิดหวัง ไม่ต่างกับคนทำงานทั้งตัวของ ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หรือ ฮาย ประธานสโมสร และ ตัว มิตติ ติยะไพรัช อดีตประธานสโมสรที่กลายเป็นที่ปรึกษาสโมสร ณ ตอนนี้ ที่แน่นอนว่า เขาก็อยากจะให้เชียงรายได้เป็นเจ้าภาพ หลังต้องไปเตะสนามกลางมาสองปีและเจอกับค่าใช้จ่ายมากมาย
– มีบ้านก็ต้องอยากเล่นในบ้าน
แน่นอนไม่ใช่เรื่องแปลก ที่หากใครมีบ้าน ทุกคนก็ต้องอยากอยู่บ้านตัวเอง ไม่อยากระหกระเหินไปเช่าบ้านคนอื่น และยิ่งมีแขกชื่อดังอย่าง อันเดรส อิเนียสต้า ตำนานหรือบาร์เซโลนา หรือ ออสการ์ อดีตแข้งเชลซี แน่นอน ถ้าเราเป็นเจ้าบ้านเราก็คงอยากจะเปิดบ้านตัวเอง ให้เขาได้เห็นว่าเรามีดีขนาดไหน เชียงรายเป็นอย่างไร
แต่แล้วมันก็เปรียบเหมือนฟ้าผ่าเข้าที่กลางใจของชาวเชียงราย เมื่อเอเอฟซี ได้ออกประกาศิตว่า ต้องไปเตะที่บุรีรัมย์ เพราะสนามของคุณไม่ผ่านหลักเกณฑ์ขั้นต่ำ ที่เอเอฟซี กำหนด ดังที่มีการชี้แจงไปยืดยาวก่อนหน้านี้
และไม่แปลกที่คุณเองจะปวดใจ เพราะเราเชื่อว่าพวกคุณได้สู้กันอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่คุณก็ไม่ได้รับชัยชนะในหนนี้
– สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือคำถามว่าทำไมต้องเป็นบุรีรัมย์
แน่นอนว่าทุกคน มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมต้องเป็นจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเพราะสมาคมฯ อยู่ฝั่งบุรีรัมย์ เลยพยายามผลักดันให้ไปจัดบุรีรัมย์ และสิ่งที่แฟนบอลหลายคนพูดคือ อ๋อ บุรีรัมย์ มันทีมสมาคมฯ เพราะเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร สนิทกับ พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ เป็นพิเศษ ก็เลยช่วยกัน และพยายามกลั่นแกล้งเชียงราย
แต่เรามากางเหตุผลกันก่อนว่าทำไมต้องบุรีรัมย์ มองที่ตัวเลือกแรก สนาม สมโภช เชียงใหม่ 700 ปี ทำไมถึงไม่ไปสนามนี้ ภาคเหนือเหมือนกัน ถ้าหากไปเตะคนเชียงใหม่ก็ไปเชียร์ เชียงราย คนเชียงรายก็เดินทางไปเชียร์กันได้ง่าย แต่ที่มันไม่ได้เพราะ สนามดังกล่าวเป็นรังเหย้าของ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด และ เชียงใหม่ เอฟซี
ซึงในช่วงระยะเวลาการแข่งขัน 15-30 เมษายน นั้น สองทีมนี้ก็ยังต้องใช้สนามดังกล่าวอยู่ อย่างเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ต้องใช้สนามนี้ เพื่อแข่งขันไทยลีก พบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในวันที่ 16 เมษายน และ พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ในวันที่ 30 เมษายน ขณะเดียวกันเชียงใหม่ เอฟซี มีโปรแกรมไทยลีก 2 ต้องพบกับ อุดรธานี เอฟซี ในวันที่ 23 เมษายน ซึ่งแน่นอนว่ามันคงเป็นเรืองยากที่จะทำบับเบิ้ล และต้องเล่นสนามแห่งนี้ และมีทีมอื่นมาร่วมแจม
สนามบีจี สเตเดียมก็ตัดไป เพราะบีจี ใช้, สนาม ทรู สเตเดียม ม.ธรรมศาสตร์ ก็ตัดไปเพราะแบงค็อก ก็ต้องใช้ในเกมวันที่ 17 เมษายน ที่จะพบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในไทยลีก 1
ส่วนสนามราชมังคลากีฬาสถานอีกตัวเลือกคือ ณ ตอนนี้ บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล ได้จัดการเช่าสนามและขอปิดสนาม เพื่อเตรียมการจัดการแข่งขันฟุตบอล แดงเดือด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทำให้ตัวเลือก เหลือเพียงแค่ สนามเขากระโดง และ สนามติณสูลานนท์ และสุดท้าย เอเอฟซี ก็เลือก สนาม เขากระโดงที่ผ่านมาตรฐาน เพราะมันง่ายต่อการจัดการของเอเอฟซี เนืองจากมีอีกกลุ่ม และโรงแรมที่บุรีรัมย์ มีจำนวนเพียงพอ และง่ายต่อการจัดการของเอเอฟซี อันนี้่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญ และนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่บทสรุป มาจบที่บุรีรัมย์
– วางอคติลงและเปิดใจให้กว้างขึ้น
แน่นอนหากมองถึง เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเชียงราย กับ บุรีรัมย์ ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเชียงราย คือหนึ่งในทีมที่ก้าวขึ้นมาท้าชิงบัลลังก์ ของบุรีรัมย์ ในประเทศไทยชวงทีผ่านมา อย่างชัดเจน และอาจจะเป็นคู่รักคู่แค้นกัน
นอกจากนี้สังเกตถึงความสัมพันธ์ของสองทีม แทบไม่มีนักเตะคนไหนที่ย้ายตรงจากบุรีรัมย์ ไป เชียงราย หรือเชียงราย ไปบุรีรัมย์ เลยในช่วงทีผ่านมา อาจจะมีฟรีบ้าง แบบตอน ปิยพล ผานิชกุล แต่ที่เป็นดีลตกลงราคานั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย
เราเข้าใจว่ามันอาจจะมีความบาดหมางกันเล็กๆ ในเรื่องของการเมือง หรือการทำงานที่อาจจะมีแนวคิดไม่ตรงกัน แต่ตอนนี้มันคือเรื่องของความมืออาชีพ จะบอกว่าบุรีรัมย์ ทำกำไร ที่ได้มีทีมมาแข่ง คำถามคือ กำไรขนาดไหน ค่าไฟ ค่าบำรุงสนาม คนดูก็ไมได้การันตีว่าจะได้เยอะขนาดไหน อย่าไปคิดอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ปวดหัวเปล่า
– เชียงราย เพิ่งแพ้ใน 45 นาทีแรก
หากเปรียบเรื่องนี้เป็นการแข่งขันฟุตบอลแน่นอน บางครั้งอะไรก็ไม่เป็นใจ ช่วงที่ผ่านมา แน่นอนว่าเชียงราย อาจจะพยายามสู้เต็มที่ แต่มันเหมือนกับว่าพวกเขาแพ้ ไปแล้ว กับการไมได้เป็นเจ้าภาพ และต้องไปเล่นที่อื่น
แต่นี่เพิ่ง ผ่าน 45 นทีแรก เท่านั้น แน่นอน ว่าแม้วันนี้ครึ่งแรกอะไรหลายอย่างมันอาจจะไม่เป็นใจ รู้สึกกรรมการ ที่ชื่อว่าเอเอฟซี อาจจะดูเป่าไม่เข้าตาหรือถูกใจเท่าไหร่ แต่นี่เพิ่งเป็นครึ่งแรกของการแข่งขันเท่านั้นเอง มันยังเหลือ 45 นาที หลังจากนี้ พวกเขายังต้องพิสูจน์กับการลงสนามอีก 6 นัด ในรอบแบ่งกลุ่ม ที่ต้องเจอกับ เซี่ยงไฮ้ พอร์ต จากจีน, วิสเซิล โกเบ จากญีปุน และ คิตฉี เอสซี จากฮ่องกง
– เดินหน้าต่อไป เราเข้าใจเรื่องเงินทอง
แน่นอนว่า สิงที่ เชียงราย พยายามชี้แจง ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว พวกเขาหมดหนทางในการเป็นเจ้าภาพ ในปีนี้
แน่นอนว่าหากพวกเขาจะโทษคนอื่น มันก็ได้ โทษสมาคมฯ ว่าไม่ช่วยก็โทษได้ โทษเอเอฟซี ที่ไม่เห็นใจก็ได้ทั้งหมด แต่สิ่งสำคัญคือ อย่าลืมที่จะหันกลับมามองตัวเอง ว่าพวกเขาทำอะไรผิดพลาด เพราะมันจะไม่ต่างอะไรกับนักฟุตบอลที่เล่นพลาด และโทษสนามหญ้า โทษเพื่อนร่วมทีม แต่ลืมมองดูตัวเอง และมันไม่ทำให้เกิดการพัฒน
แน่นอนพวกเขารับปากว่าทัน แต่เอเอฟซี ไม่รอ เอเอฟซี ไม่ผิดเลย เพราะคงไม่มีใครอยากเสี่ยง เพราะฉะนั้น บทเรียนแรก คือ คราวหน้า เชียงรายก็ต้องพยายามทำให้พวกเขาเชื่อใจมากกว่าเดิมในครั้งต่อไป หากมีโอกาส
บทเรียนต่อมา แน่นอนว่า อีกสาเหตุหนึ่ง ที่เชียงราย พูดคือ ต้องรอ เอเอฟซี แจ้งกอน ถึงค่อยเลือกปรับปรุง เพราะมีงบประมาณจำกัด แต่นี่เป็นสิ่งที่ต้องแสดงให้เห็นว่า บางอย่างคุณรอไม่ได้ บางอย่างมันอาจจะต้องลงทุน เหมือนกับที่พวกคุณต้องลงทุนกับ อคาเดมี และรอวันที่มันออกดอกออกผล เรืองสนามและสิ่งต่างๆ มันก็เช่นกัน ทุกอย่างต้องใช้เวลา
แน่นอนว่าสมาคมฯ ก็พร้อมช่วยให้ข้อมูล ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แต่คุณเลือกที่จะรอเอเอฟซี ให้ข้อมูล แต่สุดท้าย เชียงราย ก็โดนเอเอฟซี มองว่าไม่ทัน ระยะเวลาในการก่อสร้างห้องแต่งตัว การติดไฟส่องสว่าง การปูพื้นหญ้า ในเวลา ไม่ถึงเดือน มันเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างเสี่ยง แน่นอนว่ามันอาจจะทัน แต่ถ้าไม่ทันล่ะ? เอเอฟซี ก็ไม่อยากเสี่ยงตรงนี้
เพราะฉะนั้น หลังจากนี้ก็อยากให้เชียงราย เดินหน้าสานต่อที่กำลังทำอยู่ให้พร้อม แสดงศักยภาพให้เห็นในเวทีไทยลีก ว่าพวกคุณปรับปรุงได้ดีขนาดไหน ไม่ว่าจะสนามแข่ง หรือ สิ่งต่างๆ ไม่ใช่วันนี้ ไม่ผ่านแล้ว ก็หยุดทำเลย เพราะไม่แน่ปีหน้า คุณอาจจะได้โอกาสใช้สนามจัดการแข่งขันอีกก็เป็นได้ และหากได้สิทธิ์อีก และคุณไมได้เป็นเจ้าภาพอีก คราวนี้มันคงไม่สวยแน่นอน
– ได้เวลามูฟออน
อดีตคือสิ่งที่ผ่านมามาแล้ว ปัจจุบัน คือสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อให้อนาคตมันดีขึ้น นอกจากในสนามที่คุณต้องนำข้อผิดพลาดทั้งหมดมาแก้ไข เพื่อให้ทีมดียิ่งขึ้นต่อไป นอกสนามก็เช่นเดียวกัน
วันนี้อาจจะผิดหวังที่สู้เต็มที่ แล้วต้องแพ้ แต่หากคุณยังสู้วันข้างหน้ามันอาจจะเป็นวันของคุณ และชาวเอเชีย อาจจะได้เห็น พาวเวอร์ ออฟ เชียงราย ที่คุณภูมิใจที่จะนำเสนอให้ดีขึ้นในวันข้างหน้า และคุณจะได้ยืดอกอย่างเต็มที่ว่า นี่แหละเชียงราย เหมือนวันที่คุณเลื่อนชั้น เหมือนวันที่คุณ ได้แชมป์ ครั้งแรก ได้เป็นเบอร์ 1 เมืองไทยครั้งแรก ได้ไปบอล เอเชีย ครั้งแรก ทุกอย่างมันต้องนับหนึ่งได้เสมอ หากคุณยังไม่หยุดสู้
และในวันข้างหน้า คุณอาจจะพูดได้เต็มปาก และบอกกับ ทุกคน ว่า เชียงราย เองก็มีดีไม่แพ้ใคร ถ้าคุณชนะในสนาม เบียดคว้าแชมป์ไทยลีก ได้ เบียดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ คุณก็ยังเบียด และยกระดับคุณภาพนอกสนามได้ไม่แพ้กัน แต่วันนี้คุณก็ต้องยอมรับความจริงกับมันและสิ่งที่เกิดขึ้นและก้าวเดินต่อไป เพื่อพิสูจน์สิ่งเหล่านั้น
เอาความถูกต้องนำความถูกใจ ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครสมหวังได้ทั้งหมด ตีโพยตีพายไปเท่านั้น สุดท้ายก็มีแต่ตัวเราเอง ถ้าหากวันหนึ่งเราทำทุกอย่างดีแล้ว ถูกต้องแล้ว ทุกคนจะเป็นกำลังใจให้ เช่นเดียวกับเราที่อยากเห็นทุกสิ่งในวงการฟุตบอลไทยเดินหน้าต่อ
ด้วยความเคารพถึง คุณ ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช ประธานสโมสร ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด และ คุณ มิตติ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาสโมสร ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด จากทีมงาน บวกสิบ