ข่าวฟุตบอล“ดั๊กลาส การ์โดโซ” รับบอลไทยไปไกลจากเดิมเยอะ ตั้งเป้าเป็นเฮดโค้ชเต็มตัวเร็ววัน
buaksib sport news
ดั๊กลาส การ์โดโซ

ดักลาส การ์โดโซ เชื่อว่าฟุตบอลไทยตอนนี้ มาไกลกว่าตอนที่เขามาไทยครั้งแรกเยอะมาก และตั้งเป้าเป็นเฮดโค้ชอย่างเต็มตัวในเร็ววัน

ดั๊กลาส การ์โดโซ ตั้งเป้าเป็นเฮดโค้ชในเร็ววันนี้ และมองว่า ฟุตบอลไทย ณ ปัจจุบัน เดินทางมาไกลจากอดีตสมัยทีเขามาแรก

การ์โดโซ ที่เคยค้าแข้งกับ สโมสรซานโตส ในบราซิล ที่โยกมาค้าแข้งในลีกเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2010 กับ บุรีรัมย์ พีอีเอ, ราชบุรี, สระบุรี, พีทีที ระยอง, ราชนาวี และ กลับมาอยู่กับ ราชบุรี อีกครั้ง ในปัจจุบัน เล่าถึงก้าวสำคัญจากการเป็นผู้เล่นสู่เส้นทางโค้ช ว่า

“ผมมีความสุข ที่ได้มาเข้าร่วมคอร์สอบรม ผมหวังว่าผมจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย จากการมาในครั้งนี้”

“ผมเคยมีประสบการณ์การเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของ สโมสรราชบุรี แน่นอนผมต้องการต่อยอดเพื่อก้าวไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านี้ในอนาคต”

“คอร์สนี้มีโค้ชคุณภาพมากมาย ผมหวังว่าจะได้แบ่งปันประสบการณ์ และได้เรียนรู้ประสบการณ์จากทุกคน”

“ผมรู้สึกมีความสุขและภูมิใจ เพราะผมรู้ว่ามีโค้ชมากมาย หลายคนก็เป็นเพื่อนผม และมันสำคัญมากที่ตัวผมได้มาเข้าร่วม ได้สนุก ได้เรียนรู้ไปพร้อมกับทุกคน”

“เมื่อผมผ่านการเรียนหลักสูตรนี้ ผมเชื่อว่าตัวผมจะมีประสบการณ์ รวมถึงความรู้มากยิ่งขึ้น จากการได้เรียนรู้จากวิทยากร และการแลกเปลี่ยนแนวทางดีๆ จากเพื่อนโค้ชทุกคน”

“ที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย ผมต้องการเดินไปข้างหน้าในเส้นทางนี้ ผมต้องการเป็นเฮดโค้ชให้ได้ในอนาคตเร็วที่สุด ซึ่งตัวผมเสียสละเวลา เพื่อเรียนรู้ มีความยืดหยุ่น รู้ถึงวิธีการ ทำให้มันสนุก มันสำคัญที่ผมมาที่นี่ หวังว่าผมจะได้เรียนรู้ และได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับตัวเอง”

“ในมุมมองของผมจากวันแรกที่เข้ามาสู่ระบบของฟุตบอลไทย ฟุตบอลไทยตอนนี้มีพัฒนาการเยอะมาก จากปี 2010 ที่ผมมาที่นี่ครั้งแรก ถึงตอนนี้ปี 2022”

“ฟุตบอลไทยยกระดับขึ้นมาเยอะมาก และอยู่ในเส้นทางที่ดี ผมดีใจที่ได้เห็นการเติบโตของฟุตบอลไทย และผมหวังว่าผมจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาฟุตบอลไทยในอนาคตอันใกล้นี้”

“ผมเชื่อมันว่าระยะเวลาที่ผมเล่นฟุตบอลที่นี้ ผมเรียนรู้ ผมมีประสบการณ์ เมื่อถึงวันที่ผมพร้อมทำหน้าที่จะสร้างประโยชน์ต่อฟุตบอลไทยได้ ตอนนี้บอลไทยอยู่ในเส้นทางที่ดี ผมหวังว่าวันหนึ่งผมจะได้เห็นทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลก ผมคงมีความสุขมาก”

“จากก้นบึ้งของหัวใจเลยนะ การเป็นนักเตะ มันสุดยอด กับการเป็นโค้ชมันต่างกัน เมื่อลงสนามไป มันไม่ได้อยู่ที่ตัวโค้ช มันอยู่ที่ตัวนักเตะ ถ้านักเตะทำได้ มันก็ดี เราทำอะไรไม่ได้มาก 70 เปอร์เซ็นต์คือนักเตะ และอีก 30 เปอร์เซ็นต์ คือโค้ช ที่จะต้องวางแผนการจัดการ แต่สำหรับผมมันสุดยอดมากกับการเป็นนักเตะ ได้ยืนในสนามและทำอะไรบางอย่าง ตอนนี้มันคือการเปลี่ยนผ่าน ผมยอมรับมัน และพยายามเรียนรู้เพื่อเป็นโค้ชที่ดีในอนาคต”

buaksib sport newsbuaksib sport news