ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางทีมชาติไทย ยอมรับว่าตนเองเฝ้ารอคอยโอกาสในการลงเล่นในศึกชิงแชมป์อาเซียนมา 4 ปีแล้ว
มิดฟิลด์วัย 25 ปี จากบางกอกกล๊าส เอฟซี ไม่ได้มีส่วนร่วมกับแชมป์เอเอเอฟ ซูซูกิ คัพ ของทีมชาติไทย ในสองครั้งล่าสุด หลังจากที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน และฟอร์มการเล่นส่วนตัว ล่าสุด ฐิติพันธ์ มีโอกาสลงเล่นในศึกชิงแชมป์อาเซียนในครั้งนี้ โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า
“ตอนนี้ผู้เล่นยังมาไม่ครบครับ ทำให้โค้ช (มิโลวาน ราเยวัช) ยังลงรายละเอียดเรื่องแท็คติคมากไม่ได้ แต่สิ่งที่โค้ชเน้นแทน คือเรื่องรักษาสภาพร่างกายและความฟิต ก็อาจมีบ้างที่เน้นเรื่องแท็คติคเล็กๆ น้อยๆ ให้กับคนใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามา”
“จริงอยู่ที่ผู้เล่นชุดนี้ แทบไม่เคยเล่นซูซูกิ แต่ผมว่าในแง่ประสบการณ์ หลายคนก็เคยเล่นทีมชาติมา ดังนั้นก็น่าจะคุ้นเคยกับทีมในอาเซียนดีอยู่แล้ว อีกอย่าง ก็น่าจะรู้ว่าความยากง่าย ในการเล่นเหย้าและเยือน ว่าเป็นยังไง ผมว่าตรงนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในเรื่องประสบการณ์ ที่สำคัญเรามีระยะเวลาเตรียมทีมพอสมควรด้วย”
“ก่อนหน้านี้ เราเจอแต่ทีมในระดับสูงกว่า ทำให้เป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องเน้นรับไว้ก่อน แต่มาครั้งนี้ เราจะได้เล่นเกมรุกมากขึ้น ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องท้าทายของโค้ชอย่างเดียว แต่รวมถึงนักฟุตบอลทุกคนด้วย ที่จะได้แสดงศักยภาพออกมาเต็มที่ และพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำได้ดีแค่ไหน”
“แน่นอนว่าในอาเซียน ทุกคนมองว่าเราเป็นต่อทุกทีม แต่ผมไม่คิดแบบนั้น เราอาจเป็นต่อก่อนเกมก็จริง แต่ถ้าลงไปแล้ว เราเล่นเหยาะแหยะ หรือไม่รัดกุม เราก็มีสิทธิ์โดนโค่นเหมือนกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือเราห้ามประมาท ต้องเล่นตามแท็คติคของโค้ช และเล่นให้ดุดันที่สุด”
“ผมรอรายการนี้มา 4 ปีแล้ว อย่าง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ (ปี 2014) ผมมีโอกาสติด แต่ก็เจ็บไป พอมาครั้งที่ 2 (ปี 2016) ด้วยฟอร์มที่ตกลง ก็ทำให้ผมไม่มีชื่อ ก็ถือว่าเป็นรายการที่ผมอยากสัมผัสมากๆ และคิดว่าครั้งนี้ น่าจะเป็นปีที่ผมพร้อมที่สุด ทั้งสภาพร่างกาย และฟอร์มการเล่น”
“ก็หวังว่าเราจะประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์มาครองให้ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราจะโฟกัสไปทีละแมตซ์ และ ในเวลานี้ เราจะพยายามทำงานให้หนักมากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้” ฐิติพันธ์ ปิดท้าย
ทั้งนี้ มิโลวาน ราเยวัช เรียกผู้เล่น เข้ามาทั้งหมด 27 คน จากนั้นจะทำการตัดให้เหลือ 23 คน ก่อนเข้าทัวร์นาเมนต์ ชิงแชมป์อาเซียน 2018 โดย ทีมชาติไทย ในฐานะแชมป์เก่า อยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ , สิงคโปร์ และ ติมอร์ เลสเต
ขอขอบคุณ : FOX SPORTS Asia
