สุธี สุขสมกิจ อดีตหัวหอกทีมชาติไทยชุดลุยศึกเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย 3 สมัยติดต่อกัน และเป็นผู้ทำประตูได้ในทัวร์นาเม้นต์ปี 2004 และ 2007 ย้อนเหตุการณ์เรื่องรางต่างๆ ในศึกเอเชี่ยน คัพ
ศึกเอเชียน คัพ ที่กำลังจะมาถึงในเดือนมกราคมปีหน้า ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่ทีมชาติไทย จะได้มีส่วนร่วมในรอบสุดท้ายของรายการนี้
สำหรับชาติที่คลั่งไคล้ในเกมลูกหนัง 12 ปีถือเป็นระยะเวลาอันยาวนานเหลือเกินในการมีส่วนร่วมกับทัวร์นาเม้นต์ระดับทวีป จนความทรงจำของแฟนบอลบางคนอาจจะเลือนลางไปแล้ว
แต่กับ สุธี สุขสมกิจ อดีตหัวหอกทีมชาติไทยชุดลุยศึกเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย 3 สมัยติดต่อกัน และเป็นผู้ทำประตูได้ในทัวร์นาเม้นต์ปี 2004 และ 2007 เรื่องรางต่างๆ ยังคงชัดเจนเหมือนกับเกิดขึ้นไม่นาน
“มันเหมือนกับน้องๆ ฟุตบอลโลก ศักดิ์ศรีพอๆกับยูโร ถือเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้ลงเล่นในรายการนี้ เพราะนี่คือการขับเคี่ยวกันเพื่อหาแชมป์ของทวีปเอเชีย และที่สนุกก็คือมีออสเตรเลียมาร่วมแข่งด้วย” สุธีกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของรายการนี้
“ครั้งล่าสุดที่เราได้เล่นรอบสุดท้ายเมื่อปี 2007 ซึ่งปีนั้นเวียดนามได้เข้ารอบน็อคเอ้าท์ ผมรู้สึกเจ็บใจมาก เพราะ 3 สมัยที่ได้เข้าไปเล่น ครั้งแรกก็เกือบจะได้เข้า เฉียดไปแค่ 1-2 แต้ม และพอมาที่จีนปี 2004 ก็อยู่สายเดียวกับญี่ปุ่น ส่วนปีล่าสุดที่เป็นเจ้าภาพ นัดสุดท้ายเราโดนออสเตรเลียยิงไป 4 ลูก ทำให้ประตูได้เสียเราสู้ไม่ได้แม้จะมีแต้มเท่ากันก็ตาม”
ศักดิ์ศรีของชาติ
ตลอด 3 ครั้งที่สุธีลงเล่นในเอเชียน คัพ แม้จะต้องเจอทีมแกร่งอย่างอิหร่าน, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย แต่เจ้าตัวก็เผยว่าพลพรรค “ช้างศึก” ไม่เคยเกรงกลัวชื่อเสียงของชาติใหญ่ๆ แม้แต่น้อย
“ตอนไปเราอาศัยใจสู้ คือช่วงปี 2000 ปีเตอร์ วิธ เป็นโค้ช ปีนั้นไม่มีพี่ซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) ที่อยู่ฮัดเดอร์สฟิลด์ ผมก็ยืนคู่กับพี่โย่ง (วรวุธ ศรีมะฆะ) ยืนกับพี่เจมส์ (เศกสรรค์ ปิตุรัตน์) บ้าง” อดีตหัวหอกทีมชาติไทยที่ตอนนี้เป็นผู้จัดการทีมเชียงราย ซิตี้ รำลึกความหลัง
“แล้วตอนนั้นกองกลางกับกองหลังเราฟูลทีม มีพี่นิเวศน์ (ศิริวงศ์), มีพี่จั๊บ (สุรชัย จิระศิริโชติ), พี่ง้วน (สุรชัย จตุรภัทรพงษ์), พี่แบน (ธชตวัน (ศรีปาน), พี่โอ่ง (ดุสิต เฉลิมแสน), พี่ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล มันก็สู้ได้”
“ช่วงนั้น มาร์ค วิดูก้า, ทิม เคฮิลล์, แฮร์รี่ คีเวลล์ กำลังพีคมาก เคฮิลล์อยู่เอฟเวอร์ตัน ส่วนคีเวลล์เล่นให้ลิเวอร์พูล ญี่ปุ่นตอนนั้นก็มี ชุนสุเกะ นากามูระ ส่วนเราไม่มีอะไรจะเสีย ก็ต้องสู้เต็มที่อย่างเดียว ไม่มีอะไรต้องไปกลัว”
“ยิ่งตอนที่ผมลากเข้าไปยิงผ่านมือ (โยชิคัตสึ) คาวางูจิ นายทวารญี่ปุ่นที่ไปเล่นฟุตบอลโลกมาแล้วนะ บรรยากาศมันสุดยอดจริงๆ ให้ความรู้สึกที่สะใจมาก แฟนบอลก็เชียร์กันถึงใจ สนุกสุดๆ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดเราจะแพ้ 1-4 ก็ตามที”
“ผมรู้สึกว่าตัวเองเล่นได้ดีในทัวร์นาเม้นต์นี้นะ เพราะไม่มีความกดดัน อีกอย่างเราได้เล่นทันยุคของพวกพี่แบนพี่โอ่งด้วย เราจึงแค่โฟกัสกับการทำงานให้ดีอย่างเดียว”
“ในเอเชียน คัพ สปีดบอลจะเร็วกว่าที่เคยเจอ 1-2 ก้าวได้ ซึ่งต่างจากซูซูกิ คัพ โดยสิ้นเชิง อย่างตอนที่เจอกับออสเตรเลีย พอเขาเจาะเราไม่ได้ก็จะเล่นบอลออกข้างแล้วโยน”
“อย่างในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก, เอเชียน คัพ สิ่งที่เราโดนคือลูกกลางอากาศล้วนๆ คือเขาเปิดข้างแล้วโถมใส่ คือการเก็บบอลจังหวะสองกับลูกกลางอากาศเป็นสิ่งที่เราสู้เขาไม่ได้ นี่คือความแตกต่าง”
“นี่เป็นเหตุผลที่เราควรมองไปให้ไกลกว่าระดับอาเซียน เพื่อจะได้สัมผัสเกมระดับนี้บ่อยๆ”
“อย่างตอนที่ผมเล่นในเอเชียน คัพ ผมรู้สึกว่าทีมชุดนั้นสู้ได้ ขาดเพียงแค่ความเด็ดขาดในการจบสกอร์”
“ผมเชื่อว่าถ้าเรามีระยะเวลาเตรียมตัวที่เหมาะสม บวกกับแทคติก และนักเตะที่สด เชื่อว่าน่าจะสู้กับทีมอื่นได้ และจะเป็นเกมที่สนุก”
การเตรียมทีม
“สิ่งหนึ่งที่ผมกังวลก็คือ กว่าจะถึงตอนนั้นนักเตะจะสมบูรณ์แค่ไหน เพราะกลัวว่านักเตะที่เล่นไทยลีกจะกรำศึกหนักจนเจ็บ และสิ้นปีจะมีซูซูกิ คัพ ซึ่งคาดว่าเราน่าจะได้เล่นจนถึงรอบชิงชนะเลิศ แล้วยิ่งปีนี้มีเตะแบบเหย้า-เยือนด้วย ทำให้ระยะเวลาการแข่งขันนานขึ้น” สุธีให้ความเห็นถึงอุปสรรคที่บรรดาแข้งช้างศึกรุ่นน้องอาจจะต้องเจอก่อนศึกชิงแชมป์ทวีปจะเริ่มต้นขึ้น
“การเล่นในตะวันออกกลางตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมาเรามีปัญหาตลอด อย่างเรื่องอาหาร ซึ่งเราจะต้องพักที่นั่นหลายวันจะมีปัญหา เพราะไม่ถูกปากเหมือนตอนอยู่ไทย ส่วนเรื่องสภาพอากาศไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะเตะกันในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งเป็นฤดูหนาวของที่นั่น”
“แต่เรื่องดีก็คือสนามที่นั่นพื้นเนียนมาก สามารถต่อบอลบนพื้นได้ ขึ้นอยู่กับโค้ชว่าจะเลือกใช้แทคติกแบบไหน”
“แน่นอนว่าด้วยการที่ฟุตบอลลีกเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถเก็บตัวเป็นเดือนๆ เหมือนเมื่อก่อนได้ แต่ถ้าเรามีเวลาเตรียมความพร้อมสักหน่อย เพราะถึงตรงนั้นมันวัดกันที่ความพร้อม สภาพร่างกาย โมเมนตัม และทัศนคติของผู้เล่น ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกัน ผมว่าเราก็น่าจะมีโอกาส”