ชาญวิทย์ ผลชีวิน เชื่อว่า ทีมชาติไทย มาถูกทางแล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปของ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก
ชาญวิทย์ ผลชีวิน เชื่อว่า ทีมชาติไทย มาถูกทางแล้ว และเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปของฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ได้
สำหรับ ทีมชาติไทย มีสี่แต้มจากสามเกมแรก รั้งรองจ่าฝูง อยู่ ณ ตอนนี้
“ผมว่าแฟนบอลชาวไทยคงได้เห็นการทำงานของอิชิอิตั้งแต่ฟุตบอลเอเชียนคัพ รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อต้นปีไปแล้ว ฟุตบอลไทยเปลี่ยนแนวทางไปจากเดิมมาก มีความชัดเจนในการเล่นแต่ละแมตช์ว่าต้องการอะไรจากเกมดังกล่าว ทำให้ตอนนี้ผมเชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยคาดหวังอย่างมากกับการทำงานของอิชิอิว่าจะพาทีมชาติไทยไปได้สวย” ดร.หรั่ง กล่าว
“สำหรับ 2 แมตช์ต่อจากนี้ในเกมฟุบอลโลก รอบคัดเลือก หากเราสามารถเก็บได้ 6 คะแนนเต็ม ผมเชื่อว่าจะการันตีเข้ารอบต่อไปแน่นอน หรืออย่างน้อยที่สุดการได้เพิ่มอีก 4 คะแนนผมยังเชื่อว่าสถานการ์ของไทยจะดีกว่าคู่แข่งร่วมกลุ่มทั้งจีน และสิงคโปร์ ส่วนเกาหลีใต้ต้องยอมรับตามความจริงว่าพวกเขาคงจะผ่านเข้ารอบไปในฐานะแชมป์กลุ่ม”
“เมื่อแยกดูแต่ละแมตช์การไปเยือนจีนอาจจะลำบาก แต่ผมเชื่อว่าอิชิอิจะเตรียมการบ้านเป็นอย่างดี ซึ่งถึงตรงนี้ผมมองทั้งไทยและจีนระดับฟุตบอลไม่ได้ห่างกันมาก หากมีการเตรียมทีมที่ผมเชื่อว่ามีโอกาสเช่นกันที่เราจะไปเอาชนะพวกเขาได้ถึงที่บ้าน ส่วนนัดสุดท้ายกับสิงคโปร์คำตอบไม่มีอย่างอื่นเลย เราต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น”
“หากเราทำงานของได้อย่างที่วางเป้าหมายไว้ที่เหลือจะเป็นผลของการแข่งขันคู่อื่นๆ อย่าลืมว่าทั้งสิงคโปร์ และจีนจะมีโปรแกรมพบกับเกาหลีใต้เช่นเดียวกัน ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าเกาหลีใต้จะชนะทั้งหมดไม่ว่าจะไปเยือนสิงคโปร์ หรือว่านัดสุดท้ายที่จะเปิดบ้านพบกับจีน ถ้าผลการแข่งขันของทั้งจีนและสิงคโปร์ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ ทุกอย่างจะเข้าทางทีมชาติไทย ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมพร้อมในส่วนของเราให้พร้อมที่สุดเพื่อจะเก็บแต้มใน 2 นัดที่เหลือให้เป็นไปตามเป้าหมาย”
ขณะเดียวกันดร.ชาญวิทย์ ยังเผยถึงแผนการพัฒนาทีมชาติไทยว่าสมาคมชุดนี้ภายใต้การบริหารงานของ “มาดามแป้ง”นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมให้ความสำคัญกับทีมชาติไทยทุกชุดไล่ตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงชุดใหญ่
“เรามีแผนการพัฒนาฟุตบอลไทยทั้งระบบอยู่แล้วไล่ตั้งแต่รุ่นไม่เกิน 17 ปี 19 ปี 21 ปี และ 23 ปี แต่ต้องยอมรับทีมไม่เกิน 23 ปี ที่ปัจจุบันมีอิสสระ ศรีทะโร เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นทีมที่น่าเห็นใจมากที่สุด เนื่องจากสถานการณ์ฟุตบอลลีกภายในประเทศไม่เอื้ออำนวยในการปล่อยตัวนักเตะมากนัก ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องทำในสิ่งที่สามารถทำได้ในตอนนี้ให้ดีที่สุด ส่วนหลังจากนี้เราจะมาพูดคุยร่วมกันอีกครั้งว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับทีมชาติ และไม่กระทบกับสโมสรเจ้าของนักเตะมากจนเกินไป”