ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ยอมรับว่า ประสบการณ์จากดูไบ คัพ ปีก่อน มีส่วนช่วยให้ทีมชาติไทย U23 มีฟอร์มดีขึ้นในปีนี้
ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ยอมรับว่าประสบการณ์จากดูไบ คัพ ปีก่อน มีส่วนช่วยให้ ทีมชาติไทย U23 ฟอร์มดีขึ้นในครั้งนี้
ครั้งก่อนทีมชาติไทย U23 จบอันดับสุดท้ายหลังแพ้ทั้งสามเกม แต่ครั้งนี้ ได้เข้าชิงอันดับ 3
“การติดทีมชาติไทย U23 ครั้งแรกเมื่อปีก่อนก็มีหนังสือส่งไปที่สโมสร ว่าเป็นช่วงฟีฟ่า เดย์ และมีทัวร์นาเมนต์นี้ พอรู้ว่าจะมีชื่อติด ก็อยากมาเลย เพราะตอนนั้นห่างจากเกมนานาชาติ มานาน และการอยู่ที่นั่นในตอนนั้นสถานการณ์ก็ไม่ดีด้วย เพราะไม่ค่อยได้เล่น ถ้ามาที่นี่เหมือนได้กลับบ้านเล็กๆ ได้เจอเพื่อน และมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง” ชาญณรงค์ กล่าว
“ตอนแรกรู้สึกกดดัน เพราะมีคนคาดหวังอยากเห็นฟอร์มการเล่น พอไปถึงจริงๆ ก็ได้เจอเพื่อนๆพี่ๆ ก็ผ่อนคลายไม่ได้ซีเรียส แค่ทำผลงานให้ดีทำผลงานให้เต็มที่ ให้เล่นเป็นตัวของตัวเอง เพราะเราไม่ได้มีเวลาซ้อมกันเยอะ เพราะไปถึงอีกวันก็แข่งเลย เหมือนต้องใช้ศักยภาพผู้เล่นในช่วงแรก มันไม่ได้ซ้อมเลย แมตช์แรก เรามาถึง อีกวันก็แข่งเลย”
“ก่อนมา ก็ศึกษาเพื่อนร่วมทีมมาก่อนแล้ว เชื่อมั่นในศักยภาพเพื่อนร่วมทีมอยู่แล้วว่าทุกคนเล่นได้ ไม่ได้้ต้องพึ่งพาใครคนเดียว ฟุตบอลต้องเล่นเป็นทีมก็เหมือนช่วยกัน พอไปเล่นจริงๆ ก็เหมือนเล่นบอลสไตล์คล้ายกัน และจับจังหวะได้ง่ายกว่า เกมแรก มันยังไมได้ปรับจูนกัน พอมีเวลาซ้อมก็เข้ากันได้ดีขึ้น สปีดบอลแต่ละคนก็ต่างกัน แต่ก็รู้ บางทีให้ไปข้างหน้าเกินไปเพื่อนก็เล่นไม่ได้ ผมก็เล่นเหมือนกองกลางตัวรุก แต่พอเล่นเกมรับก็เป็น 4-4-2 พอเวลาเกมรุกก็ฟรี เล่นบอลหน้าไลน์หรือหลังไลน์ ได้หมด”
“ทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งแต่ยังขาดการจบสกอร์ เราสู้กับเขาได้สูสี เหมือนรายละเอียดเล็กน้อย ในพื้นที่สุดท้ายมันยังดีไม่พอ ผมว่ามีองค์ประกอบหลายอย่าง เพื่อนร่วมทีม แท็คติก ปัจจัยหลายอย่างยังไม่ลงตัว มีหลายอย่างที่ยังเค้นฟอร์มออกมาไม่ได้”
“ผมไม่รู้สึกเสียใจกับการแข่งขันครั้งก่อน มันเหมือนเป็นประสบการณ์ เอาไปเรียนรู้ อันไหนไม่ดีก็แก้ไขให้ดีกว่าเดิม อันไหนดีอยู่แล้วก็พัฒนาให้ดีกว่าเดิม ไปเรื่อย ก็อยากไปแก้ไข การร่วมเล่นให้ดีกว่านี้ จังหวะสุดท้าย ที่เราควรได้ประตูแต่เราทำไมได้”