หลังจากที่ทัพ “ชบาแก้ว” สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงด้วยการผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน พวกเธอก็ยังมีประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้รอการขีดเขียนอยู่ นั่นก็คือการคว้าแชมป์อาเซียน 3 สมัยติดต่อกัน
เมื่อพิจารณาจากตัวผู้เล่นบนหน้ากระดาษ ประกอบกับอันดับบนแรงกิ้ง ฟีฟ่า คงจะมองว่าเป็นงานง่ายสำหรับ หนึ่งฤทัย สระทองเวียน และลูกทีมที่จะครองอันดับ 1 แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อีกสมัย
แต่เมื่อถึงเวลาแข่งขันจริง ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นชาติในละแวกเดียวกันย่อมค้ำคอ ซึ่งแต่ละชาติคงไม่ปล่อยทีมชาติไทยกรุยทางสู่บัลลังก์จ้าวอาเซียนได้อย่างสะดวกโยธิน
อย่างในปี 2015 พลพรรค “ชบาแก้ว” เอาชนะเมียนมาไปได้อย่างฉิวเฉียด 3-2 ขณะที่ในปี 2016 ต้องยื้อกับเวียดนามจนถึงการดวลจุดโทษ
ซึ่งในปี 2016 นี้เอง ที่ทำให้พวกเธอแซงเวียดนามเป็นทีมที่ได้แชมป์รายการนี้มากที่สุด หลังจากปล่อยให้แข้ง “ดาวทอง” ครองความเป็น 1 มา 4 ปีเต็มๆ
และจากการที่พลาดได้เหรียญทองซีเกมส์ไปอย่างน่าเสียดายเมื่อปีก่อน คงทำให้นักเตะสาวไทยมีความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองขึ้นไปอีกว่า ใครคือจ้าวแห่งอาเซียนตัวจริง
สังเวียนแข้ง
ในศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน ทางเจ้าภาพอินโดนีเซียได้เลือกใช้สนาม บูมิ ศรีวิจายา สเตเดียม และจาคาบาริง สเตเดียม ที่มีความจุ 15,000 และ 23,000 คน เป็นสถานที่จัดการแข่งขันตั้งแต่รอบแรกไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทั้ง 2 สนามเพิ่งจะใช้จัดแข่งฟุตบอลหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ชิงแชมป์อาเซียน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง
โดยเฉพาะสนาม บูมิ ศรีวิจายา สเตเดียม เคยถูกใช้ในนัดชิงชนะเลิศ ที่ “ชบาแก้ว” ชุดเยาวชนคว้าแชมป์สมัย 2 หลังจากมีชัยเหนือเมียนมา 1-0 จึงถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทีมชุดใหญ่ได้เริ่มต้นในรอบแบ่งกลุ่มกับสนามแห่งนี้
ขณะที่สังเวียนในนัดชิงดำได้แก่ จาคาบาริง สเตเดียม คือหนึ่งในสนามที่จะใช้ในเอเชียนเกมส์ 2018 ซึ่งสนามแห่งนี้เคยใช้จัดกีฬาระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์ 2011, เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010 รวมไปถึงเอเชียนคัพ ปี 2007
คู่แข่งร่วมสาย
ทีมชาติไทยอยู่ในกลุ่ม เอ ร่วมกับ กัมพูชา, มาเลเซีย, ติมอร์ เลสเต และออสเตรเลีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี
ซึ่งถ้าดูจากอันดับโลกแล้ว แน่นอนว่า “ชบาแก้ว” (อันดับ 28) เจอกับคู่ต่อสู้ที่ค่อนข้างห่างชั้น ยกเว้นก็แต่ทีมออสซี่ เพราะอย่างติมอร์ เลสเต ที่จะพบกันเป็นครั้งแรก ก็ไม่ได้มีเกมเตะอย่างเป็นทางการมากว่า 18 เดือนจนกระทั่งไม่ถูกจัดอยู่ในแรงกิ้ง ซึ่งคล้ายคลึงกับกัมพูชาที่ไม่มีอันดับโลก ขณะที่มาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 83
และถ้าพิจารณาจากในนัดเปิดสนามเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา หลายคนอาจมองว่าเป็นงานง่ายเข้าไปอีก เมื่อกัมพูชาถล่มติมอร์ เลสเต 12-0 ขณะที่ออสเตรเลียชุดเล็กชนะมาเลเซีย 7-0
อย่างไรก็ตาม หนึ่งฤทัย สระทองเวียน และลูกทีมก็คงจะไม่ประมาทอย่างแน่นอน เพราะด้วยดีกรีแชมป์เก่า ทำให้ทีมที่เหลือย่อมระมัดระวังเป็นพิเศษยามเจอกัน
นักเตะที่น่าจับตา
อันที่จริงแล้วนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดนี้มีฝีเท้าน่าสนใจหลายราย อาทิเช่น ธนีกานต์ แดงดา, พิสมัย สอนไสย์, สุนิสา สร้างไธสง, วราภรณ์ บุญสิงห์ และในศึกชิงแชมป์เอเชียที่ผ่านมาก็มี 3 นักเตะที่ถูกพูดถึงอยู่ไม่น้อย
กาญจนา สังข์เงิน
รองดาวซัลโวสูงสุดในศึกเอเชียนคัพฉบับผู้หญิง ผู้ทำไป 4 ประตูในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่มีส่วนร่วมกับทุกความสำเร็จของทีมในยุคหลัง ไม่ว่าจะเป็นการไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย, แชมป์อาเซียน 3 สมัย พ่วงด้วยเหรียญทองซีเกมส์ 1 สมัย นอกจากนี้ยังเคยไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่นกับ สเปรันซา โอซาก้า-ทาคัตสึกิ มาแล้ว
ศิลาวรรณ อินต๊ะมี
นอกจากหน้าตาจะเป็นที่เตะตาของใครหลายคนแล้ว ฝีเท้าของเธอก็โดดเด่นไม่ต่างกัน ด้วยความที่เล่นได้ดีทั้ง 2 เท้า ซึ่งหลายคนยังคงจดจำลูกฟรีคิกสุดสวยที่ยิงให้กับทีมชาติไทยในศึกชิงแชมป์เอเชียได้เป็นอย่างดี โดยกองกลางวัย 24 ปี ยิงไป 2 ประตู และกลายเป็นเจ้าแม่ลูกนิ่งประจำทีมไปแล้ว
สุชาวดี นิลธำรงค์
แข้งลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ถือเป็นศูนย์หน้าที่ครบเครื่อง ด้วยสรีระที่ใหญ่ อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยทักษะลูกหนังและความเข้าใจในเกม ทำให้เธอสามารถเป็นตัวพักบอล, เชื่อมเกม หรือจะหาโอกาสยิงเองก็ได้ ทำให้ทีมมีมิติในเกมรุกเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นกำลังสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้ในเวลานี้
ดูรายชื่อนักเตะทั้ง 23 คนได้ที่ https://fathailand.org/clu…/8/…/2018-aff-women-s-championship
ผู้กุมบังเหียน
หนึ่งฤทัย สระทองเวียน
จากดีกรีอดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย “โค้ชหนึ่ง” ถือเป็นกุนซือหญิงคนแรก และยังเป็นกุนซือที่พาทีมประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยผลงานพาทีมชาติไทยไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2 สมัย, พาทีมเป็นแชมป์อาเซียน 1 สมัย และเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเชียนเกมส์อีก 1 ครั้ง คือเครื่องพิสูจน์ผลงานได้เป็นอย่างดี
โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์อาเซียน 2018 (ตามเวลาประเทศไทย)
รอบแบ่งกลุ่ม
วันที่ 2 กรกฏาคม 2561 ติมอร์ เลสเต พบ ทีมชาติไทย เวลา 16.00 น. ที่สนาม บูมิ ศรีวิจายา สเตเดียม
วันที่ 4 กรกฏาคม 2561 ทีมชาติไทย พบ กัมพูชา เวลา 16.00 น. ที่สนาม บูมิ ศรีวิจายา สเตเดียม
วันที่ 6 กรกฏาคม 2561 มาเลเซีย พบ ทีมชาติไทย เวลา 19.00 น. ที่สนาม บูมิ ศรีวิจายา สเตเดียม
วันที่ 8 กรกฏาคม 2561 ทีมชาติไทย พบ ออสเตรเลีย U20 เวลา 19.00 น. ที่สนาม บูมิ ศรีวิจายา สเตเดียม
รอบรองชนะเลิศ วันที่ 11 กรกฏาคม 2561
แชมป์กลุ่มเอ พบ รองแชมป์กลุ่ม บี แข่งขัน เวลา 16.00 น. ที่สนาม จาคาบาริง สเตเดียม
แชมป์กลุ่ม บี พบ รองแชมป์กลุ่ม เอ แข่งขัน เวลา 16.00 น. ที่สนาม บูมิ ศรีวิจายา สเตเดียม
รอบชิงชนะเลิศ และชิงอันดับ 3 วันที่ 13 กรกฏาคม 2561
รอบชิงอันดับที่สาม แข่งขันเวลา 16.00 น. ที่สนาม จาคาบาริง สเตเดียม
รอบชิงชนะเลิศ แข่งขันเวลา 19.00 น. ที่สนาม จาคาบาริง สเตเดียม
ขอขอบคุณ : ฟุตบอลทีมชาติไทย