ข่าวฟุตบอล ไทยลีกจะได้เข้าใจปัญหา! ตราด แจงทุกประเด็น หลังแยกทาง “โค้ชโอ่ง” 
buaksib sport news
ตราด เอฟซี
ตราด เอฟซี

วิเชียร ทรัพย์เจริญ ประธานที่ปรึกษาสโมสรตราด เอฟซี ยอมรับว่าทางสโมสรได้แยกทางกับ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ด้วยดี เนื่องจากมีเหตุต้องดูแลครอบครัว เผยมีคนใหม่เสนอตัวมาหลายคน ล้วนแล้วแต่มีดีกรี รอเสนอกรรมการบริหารตัดสิน

“โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ได้แยกทางกับ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” หลังจากพาทีมเลื่อนชั้นสู่ โตโยต้า ไทยลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมกับสร้างสถิติไร้พ่ายในบ้าน ทางด้าน นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ ประธานที่ปรึกษาสโมสร ตราด เอฟซี ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากสโมสรเพื่อหาข้อสรุปในการหารือกับ “โค้ชโอ่ง” เกี่ยวกับการทำทีมในฤดูกาล 2019 เปิดเผยว่า

“ได้มีการเจรจากับ นายดุสิต เฉลิมแสน 2 ครั้ง ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จึงได้มาหารืออีกครั้งที่ จ.ตราด เมื่อคืนวันที่ 8 ตุลาคม 2561 ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ไม่สามารถทำทีมตราด เอฟซี ต่อได้ในฤดูกาล 2019 โดยมีเหตุผล 2 ประการคือ เรื่องแรก ต้องการที่จะดูแลครอบครัว โดยเฉพาะลูกที่เริ่มเป็นวัยรุ่น จึงต้องการทำทีมที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เพื่อจะได้เดินทางกลับมาดูครอบครัวได้สะดวก”

“ส่วนเรื่องที่ 2 คือ นักเตะที่ร่วมทำงานมาด้วยกันหลายคน ไม่สามารถทอดทิ้งนักเตะเหล่านี้ได้ และต้องนำไปเล่นในทีมใหม่ด้วย ซึ่งหากจะมาเล่นในระดับไทยลีก 1 กับตราด เอฟซี จะไม่สามารถยึดเป็นตัวจริง และอาจจะส่งผลกระทบกับทีมตราด เอฟซี”

นอกจากนี้ นายกวิเชียร ยังกล่าวเสริมว่า “ดีใจกับน้อง และเราจากกันด้วยดี ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ยอมรับในเหตุผล อย่างไรก็ตาม โค้ชที่จะมาคุมตราด เอฟซี มีหลายคนได้เสนอตัวมาแล้ว และทางสโมสรฯจะได้มีการประชุมหารือ และตัดสินใจในวันที่ 10 ตุลาคม 2561 เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เมื่อได้แล้วก็จะหานักเตะมาอยู่ในทีม ซึ่งขณะนี้มี 15 คนแล้วที่เสนอตัวเข้ามา ซึ่งทางสโมสรต้องรีบสรุปกันให้เร็วที่สุด”

“สำหรับกองเชียร์ชาวตราดบางคนที่แสดงความคิดเห็นในเชิงดูหมิ่นสโมสรฯนั้น ขอบอกว่า ทางสโมสรฯทำหน้าที่ได้ดีที่สุด เสียสละเวลา เสียสละเงินทุน รวมทั้งเรื่องอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง ควรจะเข้าใจและให้กำลังใจคนที่ทำงาน คนที่เสียสละมาทำทีมฟุตบอลไม่ใช่เอาแต่ตำหนิ และด่าว่าในทางเสียหาย หากเป็นเช่นนี้พร้อมจะยุติบทบาทในการทำทีมตราด เอฟซี และให้คนที่วิจารณ์ออกมาทำทีมเอง จะได้เข้าใจปัญหา ไม่ใช่แต่แสดงความคิดเห็นอย่างมีอคติ”

ขอบคุณภาพจาก Nirapai Boonpheng

buaksib sport newsbuaksib sport news