คนเดียวเปลี่ยนทีมได้! จักรพันธ์ แก้วพรม ชายผู้เปลี่ยนราชบุรี ให้กลับมาคึกคัก

การเข้ามาของ จักรพันธ์ แก้วพรม ของราชบุรี เอฟซี ถือเป็นดีลที่คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เพราะราชบุรี ที่ฤดูกาลก่อนต้องดิ้นรนหนีการตกชั้น กลับกลายเป็นทีมที่ผงาดขึ้นมายืนหัวตารางได้อย่างต่อเนื่อง

ราชบุรี เอฟซี พลิกชะตาชีวิตจากทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น เมื่อฤดูกาลก่อน กลายเป็นทีมที่ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งหัวตารางได้อย่างเหนียวแน่นในช่วงเลกแรกของ ไทยลีก และทุกนิ้วต่างชี้ไปที่ จอมทัพตัวเก๋า อย่าง จักรพันธ์ แก้วพรม

บางคนอาจจะบอกว่า มันเป็นการให้เครดิตเขามากเกินไปไหม แต่หากมองไปที่ขุมกำลังแล้ว ทีมแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากฤดูกาลก่อนเลย มีแค่จักรพันธ์ คนเดียวที่เข้ามา และมันกลายเป็นการเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย

มันชัดเจนตั้งแต่แผงหลังที่เสียประตูน้อยลง แดนกลางครองเกมสร้างโอกาสได้มากขึ้น แดร์เลย์ จากที่เป็นสากกลายเป็นกองหน้าที่พร้อมเก็บบอลและยิงได้ หรือสิทธิโชค กันหนู ที่เหมือนจะหลุดจากสารบบ กลับมาสู่ร่องสู่รอย และแทบทุกตำแหน่งเหมือนจะฉายแสงออกมาทั้งหมด

– ความมืออาชีพ

นอกจากวิสัยทัศน์ในสนามแล้ว สิ่งที่จักรพันธ์ นำมาให้กับราชบุรี มันมากกว่านั้น สิ่งสำคัญคือเรื่องของความเป็นมืออาชีพ ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง อย่าลืมว่านี่คือนักเตะที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย มากที่สุดคนหนึ่งจากสถิติตลอดทศวรรษที่ผ่านมา หลายคนอาจจะบอกว่า เป็นเพราะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีองค์ประกอบที่ดี แต่ จักรพันธ์ ก็คือหนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ บุรีรัมย์ ก้าวมาเป็นแชมป์ได้

ในวันที่เขาย้ายออกจาก บุรีรัมย์ เหล่าบรรดาดาวรุ่งต่างเรียกเขาว่าอาจารย์โน๊ต มันไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย เพราะดาวรุ่งเหล่านี้ ต่างมอง จักรพันธ์ ว่าเป็นเหมือนอาจารย์จริงๆ ที่ไม่ได้สอนแต่เรื่องในสนาม แต่ยังรวมถึงการใช้ชีวิตนอกสนาม ไม่เคยมีข่าวเสียหาย โดนวิจารณ์เท่าไหร่ ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป

เพราะตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน นี่คือสิ่งที่จักรพันธ์ ทำกับเหล่าบรรดาเด็กบุรีรัมย์ และสิ่งที่เขาทำมาตลอด ได้ถูกนำมาส่งต่อที่ราชบุรี และเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเบื้องหลังสำคัญที่ทำให้นักเตะราชบุรี คนอื่นๆ ต่วงฟอร์มดีขึ้นมาด้วย

– สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่เมืองโอ่ง

พูดกันแบบชัดๆ นักเตะของราชบุรี หลายรายเลือกที่จะพักอาศัยในกรุงเทพ แต่ เมื่อจักรพันธ์ เลือกที่จะปักหลัก ในราชบุรี และแสดงเป็นตัวอย่าง นักเตะหลายคนก็ทำตาม มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย และไม่แปลกใจเลยที่เขากลายเป็นกัปตันทีมของราชบุรี ทันทีที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม

เพราะสิ่งสำคัญคือนักฟุตบอลนั้นไม่ได้ใช่อาชีพที่จะทำงานแค่สองชั่วโมง ในเวลาซ้อมหรือเวลาแข่งขัน แต่ทุกนาที ทุกชั่วโมงมันมีคุณค่า ลองคิดภาพคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน มันย่อมดีกว่าไหมที่ที่พักอาศัย คุณจะอยู่ใกล้ที่ทำงาน ลองคิดภาพ คุณต้องเดินทางไปกลับวันละ 2 ชั่วโมง สิ มันต้องใช้พลังงานมากขนาดไหน และยิ่งกีฬาฟุตบอล มันเป็นอาชีพที่ต้องใช้พลังงานสูงมาก และราชบุรี ในฤดูกาลนี้ก็แสดงให้เห็นถึงพลังเหล่านั้นออกมา

– ด้วยวัย 34 ย่าง 35 ปี

แน่นอนว่าอายุการใช้งานของ จักรพันธ์ มันยังยากจะตอบว่าจะเหลืออีกปี และเขาตอนนี้ไม่ใช่ดาวรุ่งแล้ว ที่จะยืนระยะได้ตลอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับราชบุรี ในตอนนี้ แม้จะไม่มีจักรพันธ์ หลายคนก็ยังทำได้ดี (ยกตัวอย่างเกมกับ พีที ประจวบ เอฟซี ที่จักรพันธ์ เจ็บ)

มันเห็นได้ชัดเลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับราชบุรี ที่เขานำมาไม่ใช่ความสามารถในสนาม แต่มันคือเรื่องของความมืออาชีพ ที่อาจจะสำคัญกว่าในสนาม

เพราะด้วยสไตล์ของจักรพันธ์ เขาไม่ใช่กองกลางที่จะวิ่งสปีด ล็อคหลบ 5-6 คนแล้วยิงสุดสวย แต่มันคือการนำความมืออาชีพ นำมาตรฐานมาให้กับสโมสร

– ไม่ต้องหวือหวา แต่มั่นคง

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมากับตัวของจักรพันธ์ ตลอดชีวิตการค้าแข้งคือสิ่งที่ไมได้หวือหวา แต่ก็มั่นคงมาเสมอ เหมือนกับผลงานของราชบุรี ในเลกแรกของไทยลีก ที่ไม่ได้หวือหวา ชนะหวุดหวิด แต่พวกเขาก็เก็บแต้มเรื่อยๆ จนมาอยู่อันดับ 2 ของ ตารางคะแนน ณ เวลานี้

หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่พื้นฐานเหล่านี้คือเรื่องสำคัญ หลายครั้งที่หลายทีมมีความหวือหวาแต่ขาดความมั่นคง 3 วันดี 4 วันไข้ มันจะดีกว่าไหม ที่ไม่ต้องหวือหวา แต่ทีมเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง นี่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

จักรพันธ์ อาจจะไมได้เหมือนกับบรูโน แฟร์นานเดส ที่เข้ามาแล้วยิงกระจาย หรือแอสซิสต์ต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เขานำมาคือสิ่งที่ล้ำค่า และมันสำคัญมากที่ราชบุรี จะต้องพยายามต่อยอดสิ่งเหล่านี้เพื่อให้สโมสรมีความั่นคง และยืนหยัดบริเวณหัวตาราง ไม่ต้องกลับไปดิ้นรนหนีตกชั้นเหมือนกับบางฤดูกาลที่เกิดขึ้นกับพวกเขา