คณะอนุกรรมการฯ เตรียมส่ง เคสปัญหาฟุตซอล ให้ เอเอฟซี ช่วยพิจารณา

โดยในเกมดังกล่าว มีจังหวะปัญหาในนาทีสุดท้าย ของ การแข่งขัน เนื่องจาก ผู้เล่น สุราษฎร์ธานีฯ เตะลูกบอลพุ่งไปโดนผู้เล่น ของ พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี เข้าประตู แต่ผู้ตัดสินไม่ให้เป็นประตู เนื่องจากผู้รักษาเวลา แจ้งว่า ลูกบอล ถูกเตะออกไป หลังจากหมดเวลาการแข่งขันแล้วนั้น

จาก ข้อพิจารณา ระบุว่า ในกรณีที่ไม่ใช้สัญญาณเสียงอัตโนมัติ เวลาการแข่งขันหมดลงตามเวลาที่นาฬิกาโชว์บนสกอร์บอร์ด หรือ เวลาแข่งขันหมดลง พร้อมการแจ้งเสียงสัญญาณกริ่ง ที่ผู้รักษาเวลาแจ้งออกไป และ การยิงประตูตามคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้เล่นได้ยิงประตู ก่อน หลัง หรือ พร้อมกับสัญญาณกิ่ง ของ ผู้รักษาเวลา

ขณะที่ผลการประชุม สรุปว่า เวลาการแข่งขันหมดลงเมื่อใดนั้น กติกาเขียนไว้ ว่า เวลาหมดลง เมื่อมีการแจ้งสัญญาณเสียง จาก ผู้รักษาเวลา การแข่งขันสิ้นสุดลง เมื่อผู้ตัดสิน ให้ สัญญาณนกหวีด ตามเงื่อนไข ของ กติกา ข้อ 7 (ทั้งนี้หมายถึงเมื่อเป็นสัญญาณเสียงอัตโนมัติหรือไม่)

ทั้งนี้ ในกรณีที่เสียงสัญญาณไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ ควรให้ยึดถือเวลาจริง ที่แสดงในสนาม หรือ ให้ยึดถือเสียงสัญณาณ ของ ผู้รักษาเวลา หรือ ให้ใช้ดุลยพินิจ ยึดถือข้อมูลเวลาที่ถูกต้อง ในขณะนั้น อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นสำคัญ

และ จากการดูภาพบันทึกแข่งขัน การพิจารณาการยิงประตู ของ ผู้เล่น สุราษฎร์ธานีฯ เกี่ยวกับการยิงประตู ก่อนกริ่ง พร้อมกริ่ง หรือ หลังกริ่งสัญญาณนั้น

ที่ประชุม จึงได้พิจารณาแล้ว ว่า จาก คลิปเหตุการณ์หลายคลิป หลายมุมมอง มีโอกาสที่เสียงสัญญาณกริ่ง ในคลิปเหตุการณ์ จะเป็นไปได้ทั้ง 3 กรณี ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในการตัดสิน ว่า กรณีที่ผู้ตัดสินเกมส์ดังกล่าว ได้ตัดสินใจถูก หรือ ผิดอย่างไร ถูกต้องตามอำนาจหน้าที่ และ กติกา หรือไม่

ซึ่งตามเหตุผลดังกล่าว คณะอนุกรรมการฯ จึงพิจารณา ว่า ควร ส่งเรื่อง ให้ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ได้พิจารณา เพื่อเป็นมาตรฐาน ในการพิจารณาตัดสิน พร้อมส่งคลิปเหตุการณ์ให้ AFC พิจารณา ในประเด็นที่ร้องเรียน และเมื่อได้รับข้อสรุป จาก AFC แล้ว จะนำมาพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป วันพฤหัสที่ 14 มิ.ย.นี้

Photo : Futsal Thailand – ฟุตซอลไทยแลนด์