ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไม่เห็นด้วยที่พวกเขาจบอันดับ 3 ไทยลีก และพลาดสิทธิ์ลุยเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2023/24
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไม่เห็นด้วยที่ พวกเขาไมได้ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ตามที่คุยกันไว้ และขอให้ไทยลีก ทบทวนใหม่
แบงค็อก จบอันดับ 3 ในไทยลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา และต้องได้สิทธิ์ไปเล่น รอบเพลย์ออฟ
อย่างไรก็ตาม เอเอฟซี ได้ปรับใหม่ ทำให้ ไทยลีกต้องทำให้สอดคล้องด้วยการแบ่งโควต้าฤดูกาลนี้กับ ฤดูกาลหน้า และทำให้ เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีได้ไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม และบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้ไปเล่นรอบเพลย์ออฟ
ส่วนอีกสองสิทธิ์จะเป็นแชมป์ไทยลีก ปีหน้า ไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม และ แชมป์บอลถ้วยปีหน้า จะไปเล่นรอบเพลย์ออฟ ส่วน ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นแค่ทีมสำรอง ในกรณีที่ บุรีรัมย์ หรือ บีจี ได้แชมป์บอลลีกและบอลถ้วยอีก
แถลงการณ์จากสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ระบุว่า เรื่องการปรับเปลี่ยนสิทธิการเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลรายการ AFC Champions League 2023/2024
จากกรณีที่ บริษัท ไทยลีก จำกัด แจ้งประกาศเรื่องการปรับเปลี่ยนสิทธิการเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลรายการ AFC Champions League 2023/2024 อันสืบเนื่องจากการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการแข่งขัน ในฤดูกาลใหม่ของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ฤดูกาล 2023/2024 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น สโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ขอแสดงจุดยืนในฐานะทีมที่ได้รับผลกระทบจากการเสียสิทธินั้น เพื่อให้แฟนบอลของเราเข้าใจว่าสโมสรได้พยายามทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้วในการรักษาสิทธินี้
เมื่อเดือนธันวาคม 2021 สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ได้มีการประกาศว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรอบฤดูกาลแข่งขันรายการ AFC Champions League 2023/2024 จากภายในปีปฏิทินเป็นคร่อมปีปฏิทิน คือจะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม 2023 และข้ามปีไปถึงปี 2024 ซึ่งจะสอดคล้องกับปฏิทินการแข่งขันของไทยลีกที่ปรับมาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงจะส่งผลให้ศึกไทยลีกแข่งขันจบเสร็จสิ้นไปแล้วถึง 2 ฤดูกาล คือในฤดูกาลที่ผ่านมา (2021/2022) กับในฤดูกาลหน้า (2022/2023)
ต่อมาเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้มีการชี้แจงในการประชุมร่วมกับสโมสรสมาชิกไทยลีก 1 ว่า จะเชิญทีมที่อยู่ในข่ายได้สิทธิไป AFC Champions League มาร่วมหารือแนวทางในเรื่องดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 เมษายน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการแข่งขันไทยลีก 2 นัดสุดท้าย โดยทางไทยลีกได้ให้เหตุผลถึงแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนสิทธิตั้งแต่ฤดูกาลนี้ทันที เพราะหากปล่อยให้การแข่งขันในฤดูกาลหน้าดำเนินไปโดยไม่มีโควตาไป AFC Champions League เป็นเดิมพัน จะทำให้มูลค่าทางการตลาดและความเข้มข้นของลีกลดลง
แนวทางที่ บริษัท ไทยลีก จำกัด นำเสนอต่อสโมสรสมาชิกในที่ประชุมครั้งแรกเหมือนกับแนวทางที่มีการประกาศออกไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คือการเสนอให้แบ่งสิทธิไป AFC Champions League ออกเป็น 1 1 ใน ฤดูกาล 2021/2022 และ 2022/2023 โดยให้แชมป์ไทยลีกได้สิทธิเล่นรอบแบ่งกลุ่ม และ แชมป์เอฟเอ คัพ ได้สิทธิเล่นรอบเพลย์ออฟ และในกรณีที่ทีมแชมป์จากแต่ละรายการซ้ำกัน ให้ดึงทีมจากโควตาสำรองในลำดับถัดไปขึ้นไปเสียบแทน โดยทีมจากโควตาสำรองต้องมาจากฤดูกาลเดียวกันเท่านั้น ไม่สามารถข้ามฤดูกาลกันได้
ถึงแม้จะมีหลายสโมสรคัดค้านในแนวทางดังกล่าว และยังไม่มีบทสรุปอย่างเป็นทางการจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจากการประชุมหลายต่อหลายครั้ง แต่ บริษัท ไทยลีก จำกัด ภายใต้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ได้นำส่งหนังสือถึงเอเอฟซี เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเสนอให้พิจารณาแนวทางการแบ่งโควตาออกเป็นฤดูกาลละ 1 1 และให้สิทธิกับทีมจากโควตาสำรองที่มาจากภายในฤดูกาลเดียวกันเท่านั้น ซึ่งเอเอฟซีมีหนังสือตอบกลับในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยมีใจความสำคัญว่า ไม่ขัดข้องในหลักการ เพราะการจะให้สิทธิกับทีมจากฤดูกาลไหนนั้นเป็นอำนาจของสมาคมฟุตบอลฯประเทศนั้นๆอยู่แล้ว พร้อมกับย้ำข้อความที่ว่า การตัดสินใจใดๆต้องยืนอยู่บนหลักการของ Sporting Merit (หลักเกณฑ์ด้านกีฬา), Objectivity (ความเที่ยงธรรม), Transparency (ความโปร่งใส), Non-Discrimination (การไม่เลือกปฏิบัติ)
นอกจากนั้นแล้ว ฝ่ายจัดการแข่งขันของเอเอฟซียังได้แนะแนวทางให้ด้วยว่า ในกรณีที่สมาคมฟุตบอลฯประเทศใดก็ตามไม่สามารถหาทางออกที่ลงตัวสำหรับทุกฝ่าย สามารถจัดการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีมที่ได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันจากทั้ง 2 ฤดูกาลเพิ่มขึ้นมาได้ เพื่อหาตัวแทนไปเล่นในรายการ AFC Champions League ในฤดูกาล 2023/2024 นอกจากจะเป็นการตัดปัญหาจากการหาข้อสรุปไม่ได้แล้ว ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่ไทยลีกจะสร้างมูลค่าทางการตลาดเพิ่มอีกด้วย จากการจัดแข่งฟุตบอลนัดพิเศษที่มีโควตาไป AFC Champions League เป็นเดิมพัน
อย่างไรก็ตามเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้ประกาศแจ้งต่อสาธารณชน เรื่องแจ้งปรับเปลี่ยนสิทธิการเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลรายการ AFC Champions League 2023/24 ซึ่งยึดหลักการจากที่ได้นำเสนอต่อสโมสรสมาชิกตั้งแต่ครั้งแรก โดยไม่ได้นำข้อชี้แนะหรือข้อคัดค้านของหลายสโมสรสมาชิกไปปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด
สโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จึงขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้เป็นไปตามข้อสรุปจากเสียงส่วนใหญ่ของสโมสรอันดับ 1-4 ของฟุตบอลลีกสูงสุดภายในประเทศประจำฤดูกาล 2021/2022 ที่มาจากการจัดลำดับความสำคัญจาก Entry Manual For AFC Club Competitions ตามหลักเกณฑ์ในหมวด Sporting Criteria สโมสรฯ จึงใคร่ขอให้ บริษัท ไทยลีก จำกัด ทบทวนแนวทางดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อให้การปรับเปลี่ยนสิทธิการเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลรายการ AFC Champions League 2023/2024 เป็นไปด้วยความเท่าเทียมและเป็นธรรมต่อสโมสรสมาชิกตามแนวทางปฏิบัติของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) อย่างแท้จริง
สโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ขออภัยแฟนบอลทุกท่านที่ไม่สามารถรักษาสิทธิในการไปเล่นในรายการ AFC Champions League ครั้งนี้ได้ นักฟุตบอลและทุกคนที่เกี่ยวข้องในสโมสรทำงานกันอย่างหนักในฤดูกาลที่ผ่านมา เพื่อนำพาชื่อ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” กลับมาอยู่ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียอีกครั้ง สโมสรฯของเราเคยผ่านการลงเล่นในรอบคัดเลือกรอบที่ 2 (Preliminary Stage 2) ของรายการนี้เมื่อปี 2017 และ 2019 พวกเราเคยผิดหวังจากความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น ครั้งนี้พวกเราจึงหวังว่าจะพาทีมไปเล่นในรอบเพลย์ออฟเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร เพื่อลุ้นในการผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มต่อไป แต่เป็นที่น่าเสียดายที่การปรับเปลี่ยนสิทธิในครั้งนี้อาจทำให้เราไม่ได้ลงแข่งขันในรายการนี้อีกครั้ง