ข่าวฟุตบอล ไทยลีกก่อนจะมาเป็น กัปตันเหลิม อย่างทุกวันนี้ไม่ง่ายเลย
โพสต์รูปภาพ
ก่อนจะมาเป็น
ก่อนจะมาเป็น

ก่อนจะมาเป็น กัปตันเหลิม เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว กองหลังกัปตันทีมจากนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เป็นหนึ่งในผู้เล่นหน้าใหม่ทีมชาติไทย ที่ทำผลงานได้ดี ในเกมอุ่นเครื่องที่บุกไปพ่าย ทีมชาติอุซเบกิสถาน 2-0 ก่อนถูก มิโลวาน ราเยวัช ไว้วางใจติดทัพช้างศึกต่อเนื่อง เมื่อมีชื่อเป็น 24 ขุนพล ในเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 8 ที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) .. เขาเป็นใครมาจากไหนก่อนได้รับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตในวัย 30 ปี ติดตามได้ที่นี่

เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว หรือที่หลายคนเรียกว่า เหลิม เป็นชาวจังหวัดลพบุรี โดยกำเนิด.. ไม่น่าเชื่อว่าฝีเท้าอันแข็งแกร่งที่เจ้าตัวแสดงให้เห็น ไม่เคยผ่านการขัดเกลาจากสถาบันกีฬาชื่อดังมาแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อเจ้าตัวอยู่ที่โรงเรียนธรรมดาในบ้านเกิดมาตลอด โดยช่วงประถมศึกษาอยู่ที่ โรงเรียนกำจรวิทย์ ก่อนย้ายมาที่ โรงเรียนพระนารายณ์ ตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง 6

ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่บ้านเกิด เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว มีพรสวรรค์ทั้งการเล่นฟุตซอลและฟุตบอล แต่เจ้าตัวเลือกเอาจริงเอาจังทางสนามใหญ่มากกว่า หนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงคือการพาทีมจังหวัดลพบุรี คว้าอันดับ 3 ในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ รอบชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ที่จังหวัดสุโขทัย จากนั้นเขาสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในเมืองละโว้อีกครั้ง เมื่อพาทีมจังหวัดลพบุรี คว้าแชมป์โปรลีกปี 2007 มาครอง

จากความสำเร็จในจังหวัด.. ทำให้ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ตัดสินใจเดินทางออกสู่โลกกว้างในเส้นทางลูกหนัง เมื่อเข้าสู่กรุงเทพมหานคร คัดตัวกับ การไฟฟ้าฯ เมื่อปี 2008 และไม่น่าเชื่อว่าเด็กวัยเพียง 21 ปี จะเป็น 1 ใน 2 คนจากทั้งหมด 100 กว่าคน ถูก ประพล พงษ์พานิช กุนซือของทีมในขณะนั้น ยื่นสัญญาอาชีพฉบับแรกให้ และอยู่ในชุดประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกและสมัยเดียวของทีม

หลังจบฤดูกาลดังกล่าว การไฟฟ้าฯ ถูกเทคโอเวอร์มาเป็น บุรีรัมย์ พีอีเอ แม้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ด้วยฝีเท้าที่ดูดีมีอนาคตของ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ทำให้ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อยู่ในแผนการทำทีม เขาเซ็นสัญญาใหม่ 3 ปี แต่เลือกไปอยู่กับทีมน้อง บุรีรัมย์ เอฟซี ในดิวิชั่น 2 เพื่อโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ก่อนพาทีมคว้าแชมป์ ต่อเนื่องมาถึงดิวิชั่น 1 กระทั่งเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก จากนั้น บุรีรัมย์ พีอีเอ และ บุรีรัมย์ เอฟซี ยุบรวมทีมกลายเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ค้าแข้งในถิ่นปราสาทสายฟ้าได้เพียงปีเดียว จากนั้นฤดูกาล 2013 เขาถูก ชัยนาท ฮอร์นบิล คว้าตัวไปร่วมทัพ ที่เขาพลอง สเตเดี้ยม เจ้าตัวเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญ พา นกใหญ่พิฆาต จบอันดับ 10 ในการลงเล่นลีกสูงสุดเป็นปีที่ 2 ก่อนชีพจรลงเท้าอีกครั้ง และครานี้เป็น นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ดึงไปร่วมทีมในฤดูกาล 2014 และพา สวาทแคท คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เลื่อนชั้นสู่ไทยลีกได้เป็นครั้งแรกทันที กระทั่งยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบัน

ก่อนที่ล่าสุด เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ที่มุ่งมั่นทำงานหนักมาตลอดและโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง จะได้รับโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต เมื่อถูก มิโลวาน ราเยวัช กุนซือคนใหม่ทีมชาติไทย เรียกติดทัพช้างศึกเป็นครั้งแรกในวัย 30 ปี ชนิดที่เจ้าตัวแทบไม่อยากเชื่อ

“ดีใจมากๆครับ เหมือนฝันที่รอคอยมานานเป็นจริงแล้ว แน่นอนว่า การถูกเรียกตัวติดทีมชาติ เป็นความฝันของนักฟุตบอลทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ผมเคยเกือบถอดใจไปแล้วนะ ว่าเราคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว พยายามโฟกัสกับการเล่นให้สโมสรอย่างเต็มที่ ไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน ต้องขอบคุณโค้ชราเยวัช ที่ให้โอกาสผม ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ ทำให้คุ้มค่ากับที่ถูกเรียกไปร่วมทีมชาติครับ”

ระหว่างเก็บตัวที่เกียรติธานี คันทรี คลับ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้วใช้เวลาทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า จนสามารถติดเป็น 22 ขุนพลเดินทางไปอุ่นเครื่องพบกับ ทีมชาติอุซเบกิสถาน แม้สุดท้ายจะพ่ายไป 2-0 แต่เขาก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับคำชื่นชมมากที่สุดกับฟอร์มที่แสดงให้เห็นในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่

“เซอร์ไพรส์เหมือนกันครับที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง วินาทีนั้นก็พยายามรวบรวมสมาธิให้ดีครับ บอกตัวเองว่าในเมื่อโอกาสมาแล้ว เราก็ทำให้เต็มที่ ซึ่งโค้ชไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษครับ บอกรวมๆมากกว่าว่าจังหวะรับและรุกต้องทำยังไงครับ”

“ทุกคนช่วยกันได้ดีครับทั้งเกมรุกและเกมรับ ระหว่างเกมก็มีการกระตุ้นกันตลอด ถือว่าทุกคนมุ่งมั่นมากๆแล้วครับ แต่แน่นอนว่าเรายังมีจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไข ก็ต้องรีบกลับไปแก้ไขตรงจุดนี้ครับ” เฉลิมพงษ์กล่าวถึงเกมแพ้ อุซเบกิสถาน

จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมในแมตซ์ดังกล่าวก็ทำให้ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว มีชื่อเป็น 24 ขุนพล ในเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 8 ที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) วันที่ 13 มิถุนายนนี้ และเขายืนยันว่าจะทำให้เต็มที่เช่นเดิมกับโอกาสที่ได้รับ

“ไม่ได้คาดหวังเลยครับว่าจะได้ติดทีมต่อเนื่อง เพราะก่อนหน้านี้ผมคิดแค่ว่าทำให้ดีที่สุดในเกมกับ อุซเบกิสถาน ก็ยอมรับว่าดีใจครับที่ยังได้เป็นส่วนหนึ่งในทีม อย่างที่บอกมันเป็นความฝันของนักฟุตบอลทุกคนอยู่แล้ว แน่นอนว่าจะทำงานให้หนักขึ้น หากมีโอกาสลงสนามก็พร้อมทุ่มเทเกิน 100 % ครับ” เฉลิงพงษ์ปิดท้าย

ขอบคุณข้อมูล FA Thailand