คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นประธาน เปิดเผยว่านักเตะโควต้าอาเซียน ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นนักเตะใหม่ใน โตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาลหน้า จะต้องผ่านการติดทีมชาติ ในเกมที่ได้รับการรับรองจาก AFF, AFC หรือ FIFA โดยใช้ระบบ 3 1 3 ในโตโยต้า ไทยลีก ส่วนเอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ หรือ ไทยลีก 2 ฤดูกาลหน้า ยังใช้โควต้าอาเซียนเหมือนเดิม คือ 3 1 1 เช่นเดียวกับ โตโยต้า ลีก คัพ และ ช้าง เอฟเอ คัพ
วันที่ 10 กันยายน 2561 เวลา 13.00 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 24 การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดงานแถลงข่าว “มีท เดอะ วอร์ริเออร์ส” ก่อนการแข่งขัน ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก สัปดาห์ที่ 29
โดยภายในงานมี คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นประธาน พร้อมกับตัวแทนจาก 5 สโมสรร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี และ สุพรรณบุรี เอฟซี
ซึ่ง คุณกรวีร์ ได้กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “จากที่ได้มีการประชุมได้ข้อสรุปร่วมกับทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และสโมสรจากไทยลีก 1 เรื่องโควต้าอาเซียน ได้ข้อสรุป ว่าในฤดูกาลหน้าจะมีการใช้โควต้าอาเซียน เป็น 3 1 3 เพื่อเป็นการเปิดโอกาสขยายฐานแฟนบอล ให้ไทยลีกเป็นลีกชั้นนำในอาเซียน เป้าหมายคือ ทำอย่างไรให้มีการเปิดโอกาสให้นักเตะชั้นนำในอาเซียน เข้ามาช่วยทำให้มีจำนวนแฟนบอลมากขึ้น”
“โดยจะมีข้อกำหนดคือ 1. ต้องเป็นนักเตะที่เคยติดทีมชาติตั้งแต่รุ่นอายุ 19 ปีขึ้นไป และเล่นให้กับทีมชาติอย่างน้อย 3 นัด ในแมตช์ที่ AFC, FIFA หรือ AFF รับรอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทางสโมสรและเเฟนบอล ว่าเป็นนักเตะชั้นนำ ไม่ใช่เอานักเตะที่ไม่มีชื่อเสียงเข้ามาก็ไม่สามารถช่วยขยายฐานแฟนบอล”
“2. จากกรณีที่นักเตะอาเซียนในไทยลีก 1 ปีนี้บางส่วนยังไม่เคยติดทีมชาติ ทำให้มีการอนุโลมให้นักเตะเหล่านี้ยังสามารถใช้โควต้าอาเซียนได้ในปี 2019 แต่ในปีหน้า พวกเขาจะต้องติดทีมชาติอย่างน้อย 3 นัด มิเช่นนั้นจะนักเตะดังกล่าวจะไม่สามารถใช้โควต้าอาเซียนได้ในปี 2020 ต้องลงทะเบียนในโควต้านักเตะเอเชียหรือต่างชาติแทน”
“สำหรับไทยลีก 2 ฤดูกาลหน้า ใช้โควต้าอาเซียนเหมือนเดิม คือ 3 1 1 เช่นเดียวกับ โตโยต้า ลีก คัพ และ ช้าง เอฟเอ คัพ”
“ในส่วนของการรอบชิงแชมป์ประเทศของ ออมสิน ลีก โปร (ไทยลีก 3) ที่จะเลื่อนชั้นสู่ เอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2) สัปดาห์นี้จะเป็นนัดสุดท้าย ซึ่งจะเป็นการตัดสินทีมเลื่อนชั้นของ ไทยลีก 3 โดยคู่แรก เจเอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด พบกับ เอ็มโอเอฟ ศุลกากร ทั้ง 2 ทีมได้เลื่อนขึ้นไปเล่นในไทยลีก 2 แน่นอนแล้ว แต่ในวันเสาร์นี้จะเป็นการแข่งขันเพื่อหาแชมป์ของประเทศไทย ส่วนคู่ที่ 2 เป็นการหาทีมที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในไทยลีก 2 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง อยุธยา เอฟซี และ นรา ยูไนเต็ด เรียกได้ว่าแต่ละนัดแต่ละลีกต่างมีความสนุกสนานไม่แพ้กัน สำหรับการแข่งขันในสัปดาห์นี้”
“ส่วน VAR จะมีการใช้ 2 นัดในเกม ชัยนาท พบ บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่สนามเขาพลอง สเตเดียม และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี พบ เอสซีจี เมืองทองฯ”
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2018 นัดที่ 29 มีดังต่อไปนี้
วันพุธที่ 12 กันยายน 2561
เวลา 17.45 น. ชัยนาท ฮอร์นบิล พบกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่สนาม เขาพลอง สเตเดียม ถ่ายทอดสด ทาง ทรูสปอร์ต 7
เวลา 17.45 น. สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ การท่าเรือ เอฟซี ที่สนาม สิงห์ สเตเดียม ถ่ายทอดสด ทาง ทรูสปอร์ต 2
เวลา 18.00 น. ราชบุรี มิตรผล เอฟซี พบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สนาม มิตรผล สเตเดียม ถ่ายทอดสด ทาง ทรูสปอร์ต เอชดี 2
เวลา 18.00 น. พีที ประจวบ เอฟซี พบกับ ชลบุรี เอฟซี ที่สนาม สามอ่าว สเตเดียม ถ่ายทอดสด ทาง ทรูสปอร์ต 6
เวลา 19.00 น. พัทยา ยูไนเต็ด พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่สนาม เทศบาลเมืองหนองปรือ ถ่ายทอดสด ทางทรูวิชันส์ช่อง 445
เวลา 19.00 น. นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบกับ ราชนาวี ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถ่ายทอดสด ทาง ทรูสปอร์ต เอชดี 4
เวลา 19.00 น. บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ สุโขทัย เอฟซี ที่สนาม ช้าง อารีนา ถ่ายทอดสด ทาง ทรูสปอร์ต เอชดี 3
เวลา 20.00 น. แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี พบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่สนาม ธูปเตมีย์ ถ่ายทอดสด ทาง ทรูสปอร์ต 2
เวลา 20.00 น. ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบกับ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ที่สนาม ทรู สเตเดียม ถ่ายทอดสด ทาง ทรูสปอร์ต เอชดี 2
ขอขอบคุณ : Fair