ข่าวฟุตบอล ไทยลีกไม่พลาดแน่ พิสมัย กร้าวครั้งนี้ต้องไปบอลโลก หลังครั้งก่อนพลาดเนื่องจากบาดเจ็บ
ไม่พลาดแน่
ไม่พลาดแน่
พิสมัย สอนไสย์

ไม่พลาดแน่ พิสมัย สอนไสย์ ยอมรับว่าในครั้งนี้เธอจะต้องไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายให้ได้ หลังครั้งก่อนพลาดโอกาสเนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า

ณ ปัจจุบัน กับอายุ 28 ปี ทำให้เส้นทางการค้าแข้งเหลือเวลาอีกไม่มากนัก กับบทบาทใหม่ที่เปลี่ยนไป ที่จะต้องเติมเต็มความฝัน

“ในฟุตบอลโลก ครั้งก่อนเราก็ไม่ได้ไป มันเป็นอะไรที่เสียดายมาก เพราะมีอาการบาดเจ็บรบกวน ฟุตบอลโลก คือจุดสูงสุดของเรา มันคือความฝัน แต่ก็ไม่ได้เพราะเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าซ้าย” พิสมัย กล่าวเริ่ม

“มันโชคร้ายมากเลยนะ เพราะตอนนี้เราอายุ 28 ปี แล้วเราผ่าเข่ามาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง สลับซ้ายขวาไปมา แต่เราไม่เคยคิดท้อเลยนะ เพราะเรายังไปไม่ถึงจุดที่เราตั้งเป้าเอาไว้”

จุดเริ่มต้นจากสมัยเด็กที่วิ่งตามพี่ชายไปเล่นฟุตบอลนอกหมู่บ้านในบริเวณ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ส่งให้ปัจจุบัน ปุ๋ย กลายเป็นกำลังหลักของทัพชบาแก้ว

“เราตามพี่ชายไปเล่นฟุตบอลนอกหมู่บ้าน ซึ่งพี่ชายตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นนักฟุตบอลแล้ว แต่เราก็ยังอยู่ในเส้นทางนี้”

“เราเริ่มเล่นอย่างต่อเนื่องก็ได้ติดทีมโรงเรียนไปแข่งระดับจังหวัด พอแข่งไปก็ได้รับโอกาสจาก อาจารย์หนึ่ง (หนึ่งฤทัย สระทองเวียน) ดึงไปติดทีมโรงเรียนกีฬาขอนแก่น”

“พอติดโรงเรียนกีฬาก็ได้โอกาสมาคัดเลือกเป็นเยาวชนทีมชาติไทย ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เราก็ช่วยทีมคว้าอันดับ 3 และพอทำได้ก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติไทยเลย เราก็ติดมาตลอดจนถึงปัจจุบัน แต่จะมีหลุดก็เพราะอาการบาดเจ็บนี่แหละ”

จะบอกว่าโชคร้ายก็ได้ กับอาการบาดเจ็บที่คอยตามรบกวนพิสมัย สอนไสย์ โดยเฉพาะที่หัวเข่าที่เหมือนกับฝันร้าย

“ครั้งแรกเราเป็นตอนอายุ 22 ปี ครั้งที่สองก็ตอน อายุ 23 ปี และครั้งล่าสุดก็ตอนอายุ 24 ถือว่าปีละครั้งเลย”

“และเพิ่งมาหายขาดในช่วงที่ผ่านมา อาการทั้งหมดส่วนมากก็มาจากการซ้อมปกติ ชนกับเพื่อนบ้าง มันโชคร้ายมาก เราเสียใจแต่บอกไม่ถูกจริงๆเพราะมันทำให้เราชวดโอกาสสำคัญๆหลายครั้ง”

“ครั้งนี้เรามีโอกาสแล้วเราก็อยากจะไปฟุตบอลโลกให้ได้ ถามว่ากลัวว่าจะเจ็บอีกไหม เราก็ไม่กลัวหรอก เพราะมันเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ และอาการบาดเจ็บกับนักกีฬามันก็เป็นของคู่กัน”

นอกจากเรื่องบาดเจ็บแล้ว อีกอย่างก็คือการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่น หลังการเข้ามาของสเปนเซอร์ ไพรเออร์ จากกองหน้าจอมถล่มประตู กลายเป็นปราการหลังผู้ปกปักษ์พิทักษ์ประตูของตัวเอง

“ก่อนหน้านี้เราก็เล่นเป็นกองหน้ามาตลอด จนครั้งที่ไปอุ่นเครื่องนิวซีแลนด์ เราก็ถูกส่งไปเป็นกองหลังทันที เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงถูกจับมาเป็นกองหลัง ช่วงนั้นนักเตะขาดในตำแหน่งกองหลัง เราก็เลยถูกจับมาเล่นตำแหน่งนี้”

“ตอนแรกก็ยัง งงๆเหมือนกัน เพราะเราเล่นเกมรุกมาตลอด เราพอเข้าใจวิธีเล่นเกมรุกอยู่บ้าง แต่พอเล่นเกมรับก็ยังไม่เข้าใจ ก็มีปรึกษาคนอื่นๆเหมือนกัน ตอนนี้ก็เริ่มพอรู้ทางว่าต้องรับมือยังไง”

“เป้าหมายของเราก็ชัดเจนว่าเราต้องไปฟุตบอลโลกให้ได้ เพื่อชดเชยกับตอนที่พลาดไป ตอนครั้งที่ผ่านมาเราได้ดูผ่านทีวีเห็นเพื่อนๆเล่น เรารู้สึกดีใจและภูมิใจมาก เพราะนั่นคือครั้งแรกของทีม แม้เราจะไม่ได้ไป แต่เราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยทีมจนไปถึงจุดนั้น”

Photo : FA Thailand