ข่าวฟุตบอล ไทยลีกโค้ชโย่ง เปิดใจการไปอบรม Pro License พร้อมนำมาพัฒนาฟุตบอลไทย
โค้ชโย่ง
โค้ชโย่ง
วรวุธ ศรีมะฆะ

โค้ชโย่ง วรวุธ ศรีมะฆะ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี กล่าวถึง การเดินทางไปอบรม AFC ‘Professional’ Coaching Diploma Course หลักสูตรที่สอง ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่ผ่านมา

โค้ชโย่ง กล่าวว่า “การอบรมหลักสูตรนี้ มันดีตรงที่เราได้พักที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ซึ่งอาคารที่พักกับสนามฟุตบอลนั้นอยู่ใกล้กันมาก และไม่ต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ และที่เป็นประโยชน์สุดๆก็คือ การได้เดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี รอบสุดท้ายด้วย เราได้ไปดูทั้งหมด 4 แมตช์ เห็นได้ชัดว่าฟุตบอลสมัยนี้เปลี่ยนไปเยอะมาก”

“ฟุตบอลระดับเยาวชนโลกที่เราได้เห็น ทำให้รู้ว่าเราต้องทำงานหนักมาก เราไม่ได้สนว่าใครจะเป็นแชมป์ แต่การเล่นฟุตบอลเยาวชนสมัยนี้ แทบไม่แตกต่างอะไรกับผู้ใหญ่เลย ส่วนการอบรมต่างๆ ในแต่ละหัวข้อก็มีความเข้มข้นสูง โดยเฉพาะภาคปฏิบัติ ที่ได้เด็กเกาหลีใต้มาเป็นเด็กทดลอง ซึ่งเด็กทุกคนต่างมีความมุ่งมั่น”

“นอกจากนี้ยังได้ไปดูสโมสร ชนบุค มอเตอร์ส ซึ่งเป็นสโมสรที่เพียบพร้อมมาก ทั้งเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ และอาจจะดีกว่าสโมสรอาชีพบางทีมในยุโรป”

“การไปเรียนหลักสูตรนี้ก็มีหลายเรื่องทั้งเรื่องของทัศนคติ เรื่องของระบบการเล่นต่างๆ และทุกอย่างมันละเอียดมาก นอกจากนี้กลุ่มผู้อบรมก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง ก็มีเวลาคุยกันเยอะมาก และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเยอะมาก โดยเฉพาะแนวทางการพัฒนาฟุตบอลไทย เราพยายามหาข้อดีและข้อด้อยของแต่ละสโมสรมาพูดคุยกัน เพื่อวิเคราะห์ถึงปัญหาต่างๆ ว่าเราจะนำความรู้จากเกาหลีใต้ที่ได้มาก นำกลับมาใช้พัฒนาฟุตบอลไทยได้หรือไม่ โชคดีที่เราได้มาเห็นที่นี่ เราได้เรียนรู้ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ซึ่งมันดีกว่าฟังจากคนที่ไปมาเล่า”

“นอกจากนี้มีวันหนึ่งเราได้ดูทีมชาติเกาหลีใต้ลงฝึกซ้อมด้วย แม้จะเป็นเวลาแค่วันเดียว แต่เราก็ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของนักเตะเขาไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ค้าแข้งในยุโรป หรือคนที่เล่นในลีกในประเทศ ทุกคนต่างมีความต้องการทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนดูรวมกันเป็นหนึ่ง”

“ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่อยากให้ฟุตบอลไทยเป็นหมือนฟุตบอลเกาหลีใต้ก็คือเรื่องของศูนย์ฝึก เพราะที่เกาหลีใต้เขาชัดเจนมาก ศูนย์ฝึกฟุตบอลของเกาหลีใต้นั้นพัฒนามาอย่างยาวนาน เขาเติมขึ้นมาเรื่อยๆ ระบบการขุดดิน การรดน้ำ ต่างๆ ที่เป็นรายละเอียด รวมถึงเรื่องอาหาร เขามีนักโภชนาการ ซึ่งสำคัญมาก มีคนทำอาหารที่รู้ว่านักกีฬาควรรับประทานอาหาร กินมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวันซึ่งน่าจะนำมาปรับในฟุตบอลไทย”

“การอบรมครั้งนี้น่าจะเป็นการเพิ่มความกระตือรือร้นในตัวผม เพราะฟุตบอลเกาหลีเขาจริงจังมาก เพราะเขาคือชาติระดับท็อป บุคลากรในแต่ละแผนกก็เยอะมาก เขาทำอะไรแต่ละอย่างต้องวางแผนกันอย่างละเอียด เขาสามารถรวมโค้ชทุกคนในประเทศเพื่อมาพูดคุยกัน วางแผนกัน เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ผมคิดว่าสิ่งที่แตกต่างคือเรื่องของนักเตะ เราต้องยอมรับว่านักเตะเกาหลีใต้นั้นเหนือกว่านักเตะไทย โดยเฉพาะเรื่องระเบียบวินัย ความจริงจังกับอาชีพฟุตบอล”

“ผมว่าการอบรมหลักสูตร AFC ‘Professional Coaching Diploma Course มันสำคัญมาก เพราะประเทศไทยยังขาดโค้ชที่รู้จริงอีกเยอะ การสอนฟุตบอลไม่ใช่แค่การสอนจับบอล, การสอนส่งบอล เราต้องสอนนักเตะทั้งในและนอกสนาม วิธีคิดเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ สิ่งที่เราเรียนมา เราไม่ได้เรียนว่าเราต้องเป็นโค้ชที่ดีอย่างไร แต่เขาสอนทุกอย่างในการจัดการชีวิตให้นักฟุตบอลคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง ว่าเขาควรทำอย่างไรถึงจะพัฒนาขึ้นมาเป็นนักฟุตบอล ทุกอย่างที่ได้เรียนบางทีอาจจะไม่ใช่แค่ฟุตบอลอย่างเดียว แต่มันคือทุกอย่างที่อยู่รอบๆกีฬาฟุตบอล ผมมองว่าการประดิษฐ์โค้ชจำนวนมาก และมีคุณภาพควบคู่กันไป จะยิ่งยกระดับฟุตบอลไทยให้ดีขึ้นต่อไป”

สำหรับการอบรมหลักสูตรที่สาม AFC ‘Professional Coaching Diploma Course จะเป็นเรื่องของการทำปริญญานิพนธ์ ก่อนที่จะเรียนหลักสูตรที่สี่รวมกันอีกครั้งในช่วงเดือน มกราคม 2561

ข้อมูลและภาพ : Fair