ข่าวฟุตบอลโค้ชอู๊ด ไม่โทษนักเตะ ชี้ต้องโทษโชคชะตาอย่างเดียว
สระราวุฒิ ตรีพันธ์
สระราวุฒิ ตรีพันธ์

การท่าเรือ เอฟซี เปิดบ้านพ่ายจุดโทษให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 8-9 หลังจากเสมอกันใน 120 นาที 0-0 ในเกมฟุตบอลช้าง เอฟเอ คัพ 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564

จากผลแพ้เกมดังกล่าวส่งผลให้ทัพ “สิงห์เจ้าท่า” หยุดเส้นทางป้องกันแชมป์ศึก ช้าง เอฟเอคัพ 2020 ไว้เพียงเท่าน หลังเกมทางด้าน “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน การท่าเรือ เอฟซี กล่าวว่า

“การที่ไม่มีแฟนบอลในสนามส่งผลต่อรูปเกมของเราพอสมควร รวมถึงการยิงจุดโทษตัดสินด้วย แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 เราต้องยอมรับเรื่องนี้ วันนี้ผมต้องขอบใจ เรื่องหัวใจของน้องๆ ทุกคนที่ลงไปเล่นฟุตบอลด้วยฟุตบอล”

“เรื่องการยิงจุดโทษในเกมฟุตบอลผมคิดว่าเป็นเรื่องของดวง ซึ่งก่อนแข่งเราซ้อมกันมาแล้ว และนักเตะของเราเองต่างมั่นใจ แต่เราคงโทษใครไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้้ต้องโทษโชคชะตาอย่างเดียว เรามีจังหวะจะชนะแต่เรายิงไม่เข้า ในขณะที่อีกฝั่งมีโอกาสชนะเราดันยิงไม่เข้าถือเป็นเรื่องปกติโทษใครไม่ได้”

“ส่วนหลังจากนี้จะมีโปรแกรมเตะถี่แน่นอนว่าส่งผลกระทบกับการจัดตัวผู้เล่นอยู่แล้ว แต่เราโชคดีที่นักเตะของเรานั้นสามารถทดแทนกันได้ ดังนั้นวันนี้เราถึงต้องให้ กอล์ฟ (อดิศักดิ์ ไกรษร) ลงสนามเป็นตัวสำรอง เช่นเดียวกับการที่ได้ บาส (ปกรณ์ เปรมภักดิ์) กลับมา เราจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน เพราะนัดต่อไปเราจะต้องเตะกับสุโขทัย เอฟซี กลับมาจากเกมสุโขทัย เราต้องเตะกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฟุตบอลลีกอีกครั้ง จึงจำเป็นต้องมีการหมุนเวียนผู้เล่น ใครซ้อมดีเราต้องให้ลงเล่น”

“ถึงตอนนี้เราไม่มีฟุตบอลถ้วยไม่มีให้เราได้ลุ้นแล้ว ดังนั้นเราจะมุ่งเป้าไปที่ฟุตบอลลีกเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ และทุกอย่างที่ผมรวมถึงน้องๆ นักเตะในทีม รวมถึง มาดาม (นวลพรรณ ล่ำซำ) ทำกันมา เพื่อเป้าหมายใหญ่ แน่นอนเราตกรอบฟุตบอลถ้วยแล้ว หลังจากนี้เราจะมุ่งเป้าไปที่ฟุตบอลลีก ต้องมาลุ้นว่าช่วงท้ายของฤดูกาลทีมนำจะทำแต้มหนีห่างได้แก่แต้ม และเราจะต้องตามติดกันต่อไป อย่างไรก็ตามเรื่องฟุตบอลนั้นมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง”

“ส่วนเกมวันนี้ คุณแป้ง (นวลพรรณ ล่ำซำ) เข้ามาพูดให้กำลังใจกับนักเตะทุกคนหลังจบเกมว่าที่ผ่านมาเราเล่นเหมือนกลัวบุรีรัมย์ แต่วันนี้ทุกคนแสดงใหฺ้เห็นแล้วว่าเราสามารถสู้กับทีมนี้ได้ ซึ่งรูปเกมส่วนใหญ่เราเป็นฝ่านที่กดดันใส่มากกว่าด้วย”