ซารีฟ สายนุ้ย มั่นใจว่า ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ยังมีพลังกายและพลังใจ ที่จะสู้กับการท่าเรือ เอฟซ๊ แม้ล่าสุดจะเพิ่งตกรอบบอลถ้วยมา
ชารีฟ สายนุ้ย เชื่อว่า พลังกายและพลังใจของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ยังดีอยู่และพร้อมสู้กับ การท่าเรือ เอฟซี หลังเพิ่งแพ้มา
เกมล่าสุด แบงค็อก พ่ายต่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตกรอบ รีโว่ คัพ และต้องมาเจอกับ การท่าเรือ เอฟซี
“เกมกับบุรีรัมย์ เป็นเกมที่โค้ชแบนที่อยากจะเอาชนะบุรีรัมย์ แต่รายละเอียดเกม มีข้อผิดพลาดจากประตูแรกที่เสียง่ายเกินไปจากลูกตั้งเตะทำให้แผนต้องเปลี่ยน และต้องชมบุรีรัมย์ ที่แข็งแกร่ง ในเรื่องขุมกำลังทุกจุด ตัวต่างชาติก็ทำได้ดี ก็เป็นงานหนักของแบงค็อก สุดท้ายเราก็พยายามที่จะไล่ตีเสมอและกลับมาให้ได้ แต่ครึ่งหลังเราต้องเสี่ยงและเสียอีกสองประตู” ซารีฟ กล่าว
“เรืองความมั่นใจ เราก็ได้วางแผนกับสตาฟฟ์ ว่าเราจำเป็นต้องจัดตัวให้เต็มที่สุดในทุกถ้วยนับจากนี้ เราอยากมีผลงานที่ดีจนจบฤดูกาล เรื่องความล้า จริงๆไม่มีผลมากเท่าไหร่ เพราะโค้ชแบนก็วางแผนกับนักกายภาพในการฟื้นฟูร่างกาย เรามีเวลาสามวันก่อนแข่งกับท่าเรือ นักเตะก็มีหมุนเวียนพอสมควรในแต่ละตำแหน่ง และเรื่องความล้าไม่น่าจะมีผลเท่าไหร่”
“ตอนเปลี่ยนตัว ชญาวัต เขามีอาการตึงก็เลยตัดสินใจไม่เสี่ยงให้เล่นต่อ เพราะอาจจะส่งผลต่อเกมต่อไป และยังเหลือโควต้าอยู่ มันเป็นจังหวะที่เปลี่ยนสองคน อาจจะไม่เป็นตามแผน และไม่อยากเสี่ยง และมันเข้าช่วงท้ายเกมแล้วด้วย ในตำแหน่งตัวรุก คนอื่นก็พร้อมเป็นตัวเลือก อย่าง วิลเล่น โมต้า ก็เป็นอีกชอยส์ รวมถึง วานเดอร์ หลุยส์ และ ปกเกล้า ก็เล่นได้ หรือ รุ่งรัฐ ด้วย ก็สามารถหมุนได้ค่อนข้างเยอะและทดแทนกันได้”
“สำหรับท่าเรือ เขาก็มีความมั่นใจหลังพลิกกลับมาชนะหนองบัว ได้ เราก็ไม่ประมาท โค้ชแบนก็มีแผนรับมือกับโค้ชโชค ในการมาเยือนเรา เชื่อว่าโดยรวม ก็รู้มือกันอยู่พอสมควร สุดท้ายรายละเอียดเกมก็ต้องดูกันอีกที สไตล์เฮแบร์ตี้ ก็มุ่งมั่นในการเล่นของเขา โค้ชแบนก็รู้ว่าจะให้เขาทำอะไรในการเล่น และตำแหน่งไหน การเจอกับทีมเก่า ของนักฟุตบอลก็เป็นความมุ่งมั่นปกติ สุดท้ายก็ต้องดูรายละเอียดเกมอีกที ต้องรอดูวันอาทิตย์ นอกสนามเราเป็นพี่่น้องกันอยู่แล้ว แต่ในสนามเราก็สู้กันเต็มที่ และในสนามก็เป็นมืออาชีพ”