แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเร่งเครื่องในครึ่งหลัง ก่อนอัดเซาแธมป์ตัน พร้อมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ
ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ เซนต์ แมรีส์ เซาแธมป์ตัน ทีมอันดับ 10 ที่แพ้มาสามเกมรวด เปิดบ้านพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ที่สะดุดเสมอมาสองเกมติด
เกมนี้ ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิล ใช้ สองกองหน้าอย่าง เชน ลอง และ อดัม อาร์มสตรอง ส่วนตรงกลางมี เจมส์ วาร์ด พราวส์
ด้าน เป็ป กวาร์ดิโอลา เกมนี้ใช้สองจอมทัพอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ อิลคาย กุนโดกัน ส่วนสามตัวหน้าเป็นกาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง และ แจ็ค กรีลิช
เริ่มเกมมาแค่ 12 นาที จากจังหวะที่ แนวรับ เซาแธมป์ตัน สกัดบอลกันไม่ขาดมาเข้าทาง กาเบรียล เชซุส แปะบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงเข้าไปให้ แมนซิตี้ นำก่อน 1-0
แต่ทดเจ็บครึงแรก เซาแธมป์ตัน มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ อายเมอริค ลาปอร์ต พยายามสกัดบอลของ โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี่ ที่ปาดเข้ามาแต่โดนไม่ดีเข้าประตูตัวเองให้ สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
นาที 62 แมนซิตี้ มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลิซู ไปทำฟาวล์ กาเบรียล เชซุส และเป็น เควิน เดอ บรอยน์ ที่รับหน้าที่สังหารให้แมนซิตี้ นำ 2-1
และนาที 75 แมนซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างจากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น ตัวสำรอง ได้ลองสับไกนอกกรอบเขตโทษเข้าไปให้ สกอร์ห่างเป็น 3-1
นาที 78 โรดรี้ วางบอลยาว ให้ อิลกาย กุนโดกัน พักก่อนดีดให้ ริยาด มาห์เรซ ยิงด้วยซ้ายเข้าไให้ แมนซิตี้ หนีห่างเป็น 4-1
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติมจบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ เซาแธมป์ตันไป 4-1 พร้อมผ่านเข้ารอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ
รายชือ 11 ตัวจริง
เซาแธมป์ตัน : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ (GK), วาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้, แจ็ค สตีเฟ่นส์, โมฮาเหม็ด ซาลิซู, ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, โอริโอล โรเมอู, เจมส์ วอร์ด-เพราส์, สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง, โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี่, เชน ลอง, อดัม อาร์มสตรอง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : แซ็ค สเตฟเฟ่น (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, อายเมริค ลาปอร์กต์, ชูเอา คันเซโล่, โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง, แจ็ค กรีลิช