กระแสการจัดฟุตบอล แดงเดือด ในประเทศไทย ที่ทั้งสองทีมเตรียมขนเหล่าซูเปอร์สตาร์ มาเตะ ถือเป็นข่าวใหญ่ในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มันเป็นได้จริง หรือแค่ความฝันเท่านั้น เรามาวิเคราะห์กัน
ในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีกระแสข่าวไหน จะแรงเท่ากับ การจัดฟุตบอล แดงเดือด ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน ประเทศไทย
แน่นอนว่าโครงการดังกล่าว ออกมาจาก วินิจ เลิศรัตนชัย เจ้าพ่ออีเวนต์ชื่อดังของเมืองไทย และสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก
แต่หากมองตามเนื้อในจริงแล้ว แน่นอนว่าหากมันเกิดขึ้น มันย่อมส่งผลดีต่อแฟนฟุตบอลในประเทศไทย ที่เป็นทั้ง เรด อาร์มี และ เดอะ ค็อป
อุปสรรคก็อย่างที่ทราบกัน ปัญหาใหญ่สุดตอนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องเงิน แต่คือเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด ณ ปัจจุบัน
แน่นอนว่า แม้ตอนนี้จะมีผู้ได้รับวัคซีนจำนวนมาก รวมถึง ตัวเชื้ออาจจะเบาบางลงไป แต่หากมองถึงยอดผู้ติดเชื้อ ณ ปัจจุบัน แล้วถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวล ไม่ใช่แค่สำหรับตัวนักฟุตบอล และสตาฟฟ์โค้ชของทั้งสองสโมสร แต่ยังรวมถึง กองเชียร์ที่จะเข้าไปในสนาม และ รอบสนาม ที่อาจจะเป็น คลัสเตอร์ ระบาด
แน่นอนว่า เมื่อมีโควิด เป็นสารตั้งต้นแล้ว ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่สร้างความลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้แฟนบอลเข้าสนาม เพราะอย่างที่ทราบ ราชมังคลากีฬาสถาน ณ ปัจจุบัน สามารถจุคนได้ประมาณ 40,000 ที่นั่ง หากโควิดยังไม่หยุดแพร่ระบาด อาจจะทำให้ ยอดผู้ชมลดเหลือ 30,000 ที่นั่ง หรือ 20,000 ที่นั่ง
นอกจากในสนาม แล้ว ยังรวมถึงกิจกรรมนอกสนาม ที่ต้องมีอีเวนท์ต่างๆ อย่างกิจกรรม Meet and Greet กับนักฟุตบอลเอย การขอลายเซ็น การจัดกิจกรรม ที่อาจจะต้องอยู่ในอินดอร์ ที่จะเป็นตัวสร้างรายได้อีกทาง เพราะมันคงไม่คุ้มค่าแน่ๆ หากจะเอามาเตะกันอย่างเดียว แล้วก็กลับไป
นอกจากเรื่องราวของโควิดแล้ว ยังมีปัจจัยอีกมาก พลันที่บอกว่าจะมีจัดการแข่งขัน เชื่อหรือไม่ว่า ทุกคนที่ทำงานในวงการฟุตบอลจะโดนเป็นเสียงเดียวกัน คือ “มีบัตรฟรีไหม” แน่นอนว่ามันอาจจะต้องมีบ้าง เพื่อตอบแทนสปอนเซอร์ นั่น แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการซื้อตั๋วเข้าชม
และเมื่อมองถึงเศรษฐกิจไทยตอนนี้ มันอาจจะทำให้คนที่ลงทุนซื้อจริงๆ มีเพียงแค่กลุ่มคนชนชั้นระดับสูง ซึ่งมันก็คงจะเป็นแบบนั้น เมื่อตามรายงานข่าวบอกว่า บัตรถูกสุด อยู่ที่ 5,000 บาท และหากใกล้ชิดเข้าไปอีก อาจจะพุ่งสูงถึง ห้าหลักอย่างแน่นอน
นอกจากเรื่องโควิด แล้วยังมีมาตรการ อีกมากมาย ที่เอกชน คงต้องร่วมมือกับ รัฐบาล อย่างเต็มตัวในการอำนวยความสะดวกแก่แขกวีไอพี ทั้งในเรื่องของการเข้าประเทศ รวมถึง อีกหลายสิ่งมากมาย ทั้งการเดินทางต่างๆ เพราะอย่างที่ทราบ มันมีอะไรมากมาย
แต่แม้อุปสรรคจะมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมันกล่าวได้เลยว่า มันคือ อภิมหาโปรเจคต์ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ หากงานสามารถเกิดขึ้นได้จริง ก็ต้องซูฮกกับ คนจัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้นมา อย่างตัวของ วินิจ และเหมาะสมกับ ฉายา เจ้าพ่ออีเวนท์เมืองไทย
แต่หากสุดท้ายพับล้มลงไปแล้ว มันก็คงดูไม่ดีเลย ยังไงก็แล้ว แต่นี่เป็นแค่ปฐมบทของแดงเดือดในไทย ที่เรายังต้องลุ้นกันต่อไป จนกว่าจะมีข่าวออฟฟีเชียลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง