เฮงเฮง โค้ชเฮง ชี้ต้องทำลายการคอนโทรลบอลที่เป็นจุดเด่นฝ่ายตรงข้ามด้วยการเพรซซิ่งทั่วโซน เน้นเจาะแบ็คซ้ายที่เป็นจุดอ่อน
“โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และหนึ่งในนักเตะผู้ยิงประตูให้ทีมชาติไทย เอาชนะซาอุดิอาระเบีย เมื่อ 33 ปีที่แล้ว
“อย่างที่รู้กันว่าจะเอาชนะใครได้ต้องหยุดวิธีการเล่นของเขาก่อน ผมคิดว่าฝ่ายเทคนิคสมาคม ได้ให้ข้อมูลผู้เล่นกับซิโก้ เพื่อนำไปฝึกซ้อมซึ่งแนวทางในการเล่นวันนี้จะแปลกไปกว่าทุกครั้ง
นั่นคือเราจะกดดันผู้เล่นซาอุดิอาระเบียทันทีในแดนบน ซึ่งทำให้ซาอุฯไม่สามารถเล่นในแบบฉบับของตัวเองนั่นคือ
1.การทำลายคอนโทรลขึ้นมาโจมตี ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขา 2.การ counter attack หรือการตั้งรับแล้วสวนกลับ ซึ่งถ้าเรากดดันแดนบนพอเขาได้บอลมาก็เตะทิ้ง จะทำให้รูปแบบการเล่นของเขาเสียไป ถ้าวันนี้เรากดดันเขาได้ตั้งแต่วินาทีแรกจนนาทีสุดท้ายเราก็มีโอกาสจะชนะเขาได้ครับ”
“นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกำลังใจจากผู้เล่นคนที่ 12 ในสนามมันเอาชนะกันไม่ได้หรอกครับ ต้องมองไปที่แท็คติคคือการเพรสซิ่งแดนบนอย่างที่กล่าวข้างตน ต้องหยุดการโต้กลับเขาให้ได้
รวมทั้งการมาร์คผู้เล่นตั้งแต่ในกรอบเขตโทษฝั่งเรา ซึ่งได้เรียนรู้จากการเสียจุดโทษในเกมแรกที่เราพ่ายต่อซาอุดิอาระเบีย 0-1”
“ในส่วนเกมรุกผมมั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นชนาธิป สรงกระสินธ์ และธีรศิลป์ แดงดา อยู่ที่ว่าผู้เล่นแดนกลางว่าจะทะลุทะลวงมากน้อยขนาดไหน จากแดนกลางหรือแผงหลัง
ซึ่งผมมองว่าจุดอ่อนของเขาอยู่ที่แบ็คซ้าย ถ้าเกิดทริสตอง โด ผู้เล่นทางขวาของเราจะท็อปฟอร์มมากน้อยแค่ไหน ก็มีโอกาสได้สร้างเกมจากเขา”
“จริงๆซิโก้ก็เป็นลูกศิษย์ผมอยู่แล้ว และเกมต่างเราก็ให้เหตุผล จุดอ่อน จุดแข็งของเราและเขาอยู่ตรงไหน ซึ่งไม่ใช่แค่ซิโก้คนเดียว แต่ผู้เล่นที่ลงสนามต้องมีความเข้าใจด้วย ซึ่งการวางแผนบนกระดานมันไม่ได้แต้มครับ”
“ถ้าเราทำตามแทคติคที่สัญญาไว้กับซิโก้ นั่นคือการดดันสูง หรือหยุดวิธีการเล่นของเขา ก็มั่นใจว่าเราสามารถเก็บ 1 แต้มได้จากเขา”
“ส่วนแผนการเล่น 3-5-2 ที่ใช้ได้ผลในเกมกับออสตรเลีย และซูซูกิคัพ 2016นั้นว่า “ระบบการเล่นจะยังไงก็ได้ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของผู้เล่น ระบบไม่ช่วยให้ชนะได้ มันอยู่ที่ผู้เล่นแต่ละตำแหน่งสามารถลงมารับหรือรุกได้เป็นระบบมั้ย” โค้ชเฮง กล่าว
ทีมชาติไทย จะทำการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 กลุ่มบี นัดที่ 6 พบกับ ซาอุดิอาระเบีย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 23 มีนาคม เวลา 19.00 น.
Photo : Fair