การกลับมาคุม การท่าเรือ เอฟซี รอบที่สี่ ของ จเด็จ มีลาภ สร้างความปวดหัวให้กับแฟนบอลสิงห์เจ้าท่า เพราะพวกเขามองว่านี่คือเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่ แฟนบอลเองก็อยากชิม เหล้าใหม่ และขวดใหม่บ้าง
พลันทีที่มีข่าวลือเรื่องที่ การท่าเรือ เอฟซี แต่งตั้ง จเด็จ มีลาภ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง มันถือเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลกับ แฟนบอลสิงห์เจ้าท่า เป็นอย่างมาก เพราะความรู้สึกของพวกเขาคือ ในขณะที่ทีมอื่นเดินไปข้างหน้า แต่ทีมของพวกเขา กลับเดินเป็นวงกลม
หากมองไปกระแส การแต่งตั้ง จเด็จ ทุกคนต่างพูดว่า นี่แหละระบบ ครอบครัว นี่แหละการทำงานเป็นวงกลม และอีกสารพันคอมเมนต์ ที่พูดว่า เดี่ยวจเด็จ ไม่ดี ก็ไปเอาโชคทวี พอไม่ดี ก็ไปดึงโค้ชอู๊ด
สิ่งที่แฟนบอลท่าเรือ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันมากที่สุดคือ “ขอเหอะ ขอโค้ชต่างชาติเหอะ” เพราะที่ผ่านมา การท่าเรือ เองก็ยังไม่เคยลิ้มลอง มาตั้งแต่ สมัยของ แกรี สตีเวนส์ และ มาซาฮิโร่ วาดะ และหลังจากนั้นก็เป็นโค้ชไทยล้วน
มันทำให้แฟนบอลรู้สึกว่า ณ ตอนนี้ สิ่งที่การท่าเรือขาดไป คือโค้ชที่เก่ง และโค้ชที่เหมาะสม เขาอยากได้โค้ชต่างชาติบ้าง อยากได้ลิ้มรสอะไรใหม่ๆ อยากเห็นความว้าวอีกครั้งของการท่าเรือ ว่าที่ผ่านมา เราได้เห็นแล้วว่าโค้ชไทยเป็นอย่างไร เขาเองก็อยากจะเห็นโค้ชต่างชาติอีกครั้ง
– จเด็จ มีลาภ เก่งหรือไม่?
แน่นอน คำว่าเก่งหรือไม่เก่ง มันไม่สามารถบัญญัติได้ หากมองโปรไฟล์ นี่คือโค้ชดีกรี โปร ไลเซนส์ เคยได้แชมป์ไทยลีก เคยได้แชมป์บอลถ้วย เคยสร้างเด็กเยาวชนขาสั้น และผลงานชิ้นล่าสุดที่เป็นชิ้นโบว์แดงก็คือ การเป็นผู้ช่วยโค้ชของมาโน โพลกิ้ง ในการพาทีมชาติไทย คว้าแชมป์อาเซียน ครั้งล่าสุดมาครอง
แต่หากมองลงไปในเนื้อแท้ ใช่เลย นี่คือโค้ชอีกคนที่รู้จักนักเตะการท่าเรือ ดีที่สุด รู้การทำงานร่วมกับบอร์ดบริหารดีที่สุด แต่การกลับมาครั้งนี้ มันก็เหมือนกับ จเด็จ คือเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่มันอาจจะรสชาติเดิม แต่แค่แปะแบรนด์ยี่ห้อที่ข้างขวดใหม่ขึ้นมา
-ทำไมถึงไม่จ้างโค้ชต่างชาติ?
นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในหัวของแฟนบอลการท่าเรือ เยอะที่สุด ว่าทำไม ทำไมถึงไม่จ้างโค้ชต่างชาติมาลองดูบ้าง เผื่อจะได้มีอะไรใหม่ๆ ทำให้นักเตะมีความกระหาย มีความแอคทีฟมากขึ้น
แต่แน่นอนว่าทางบอร์ดบริหาร หรือเบื้องบนเอง ก็อาจจะมีคำตอบ ในใจของตัวเองถึงเหตุผลที่ไม่จ้างโค้ชต่างชาติมากมาย อาทิ เขาเข้ามาแล้วก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมไทย อาจจะทำให้สโมสรต้องใช้เวลานานมากขึ้นในการทวงความสำเร็จ เลยเลือกคนที่ใกล้ตัวกว่า รู้จักนักเตะดีกว่า มาคุม
เพราะแน่นอนว่าหากโค้ชต่างชาติมาใหม่ อาจจะต้องเจอเรื่องของ Culture Shock หรือวัฒนธรรมที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเรืองการปรับตัว นิสัยของคนแต่ละประเทศ แคแรคเตอร์ ที่มันแตกต่างกัน เป็นต้น ที่นี่คือเหตุผลแรก
เหตุผลข้อต่อมาก็คือ หลายคนอาจจะพูดว่า คนต่างชาติหลายคนมาทำงานในไทย มาเพื่อโกยเงินแล้วก็กลับไป ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้ ไม่ได้มีความจริงใจ มาแล้วก็ไป สู้ปั้นโค้ชไทยด้วยกันดีกว่า ช่วยพัฒนาฟุตบอลไทยด้วย
แต่ในเหตุผลข้อนี้ก็ต้องมองว่า แล้วทำไมสโมสรอื่นๆ ถึงกล้าที่จะใช้บริการโค้ชต่างชาติล่ะ เขาไมได้คิดถึงเรื่องนี้หรือ? ลองยกตัวอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เป็นอีกหนึ่งทีมที่เคยโดนมองว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่วนลูป เดี่ยวโค้ชง้วน เดี่ยวโค้ชโอ่ง เดี๋ยวโค้ชจุ่น พอแต่งตั้ง มาโกโตะ เทกุระโมริ เข้ามา มันเหมือนเป็นการปลดล็อคคำพูดดังกล่าว แม้อาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์ แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตา
แน่นอนว่าหากมองว่าโค้ชต่างชาติไม่จริงใจ เข้ามาเพือเอาเงิน ทำไมสโมสรไม่เปิดใจบ้างล่ะ ถ้าหากข้อเสนอมันดีพอ หากมีการสนับสนุน มอบหมายงานในการถ่ายทอดความรู้หรือประสบการณ์ให้โค้ชไทย เพื่อนำมาต่อยอดในอนาคต
ได้เปิดวงกว้างในการสรรหานักเตะต่างชาติ ที่ไม่ได้มองหาจากสโมสรอื่นๆในไทยลีก และเพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบคือการทำงานร่วมกับโค้ชไทย ช่วยพัฒนาโค้ชไทย อธิบายให้เขาเข้าใจ อย่างมืออาชีพว่า เราคงไม่จ้างคุณเป็นสิบๆปีหรอกนะ แต่เราพร้อมจะจ่ายให้คุณ และคุณช่วยพัฒนาโค้ชไทยในสโมสรเราควบคู่กับ นักเตะของเราด้วยนะ เพื่อเป็นการวางแผนระยะยาว
– วัฒนธรรมไทย ผสมผสานกับต่างชาติ
แน่นอนว่าระบบครอบครัวมันดีไหม มันก็ดี แต่จะเทไปที่ระบบครอบครัวทั้งหมดเลย มันก็ไม่ดี มันก็ต้องผสมผสานกับความเป็นมืออาชีพ แน่นอนว่าการต้องขายนักเตะสักคนที่อยู่มานาน บางครั้งมันอาจจะทำใจได้ยากลำบาก อารมณ์เหมือน ลูกแต่งงานและต้องย้ายออกจากบ้าน
แต่เราจะไม่ทำให้เขาเติบโตเลยหรือ และให้เขาอยู่กับเราไปตลอด จนบางครั้งเขาพลาดโอกาสสำคัญ หรือเราโฟกัสแต่คนนี้ จนบางที เราอาจจะหลงลืมลูกคนอื่น หรือสิ่งรอบข้าง ที่มันก็อาจจะสำคัญ และอาจจะยกระดับสโมสรขึ้นมา
แน่นอนว่าหากโค้ชใหม่เข้ามา ก็อาจจะมีนักเตะบางคนต้องย้ายออกไป และเข้าใจอารมณ์มันก็เหมือนหลายๆสโมสร ตอนเขาอยู่กับเราเขาทำได้ไม่ดี แต่พอไปเกิดกับที่อื่นก็มองว่ามันเป็นความผิดพลาดของเรา แต่ความจริงมันไม่ใช่ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้สำหรับนักฟุตบอล
– ลองผิด ลองถูกมาหลายครั้ง ทำไมไม่ลองอีกสักครั้ง
แน่นอนว่าที่ผ่านมา การท่าเรือ มีทั้งความทุกข์ มีทั้งความสุข เกิดขึ้นกับสโมสรแห่งนี้มากมาย ทุกอย่างมันก็เกิดจากการลองผิดลองถูก เพือให้เป็นประสบการณ์
ขอเกริ่น ณ ตอนนี้ว่า ผู้เขียนเองก็ไมได้รังเกียจโค้ชไทย แต่หากดูจากความต้องการแฟนบอล ณ ตอนนี้คือเขาอยากให้ลองใช้งานโค้ชต่างชาติ อยากให้หาคนที่มีฝีมือ และมืออาชีพ และไม่สนใจระบบครอบครัว นักเตะคนไหนดีจริงๆ เก็บไว้ คนไหนไม่เข้าแผนก็ปล่อยไป
ในเมื่อหลายสโมสรเริ่มตัดสินใจมูฟออน ยอมทิ้งของบางอย่างหนักที่แบกไว้จนหนัก แล้วทำไมท่าเรือ ถึงไม่ลองทิ้งอะไรบางอย่าง และสัมผัสอะไรใหม่ๆ อย่างโค้ชต่างชาติอีกครั้ง และหากสุดท้ายมันจะล้มเหลวก็ไม่เป็นไร แต่มันก็ถือเป็นบทเรียนที่ดีของทีม เพื่อทีจะเติบโตขึ้นไปอีกขั้น และมองหาสมดุลของมันให้เจอ เพื่อให้ทีมยืนหยัดได้อย่างยั่งยืน
เพราะหลายสโมสรที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ คือการลองผิดลองถูก มองหาสิ่งที่ใช่ แต่หากเรายังถือคติเชื่อในสิ่งเดิมๆ บางทีเราอาจจะไม่ได้เดินหน้าไปไหนเลย