ข่าวฟุตบอล ไทยลีกเหตุใด!! ไอโมบายฯถึงไม่ได้ไปต่อในนาม ไอโมบาย สเตเดี้ยม
buaksib sport news
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เหตุใด!!
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เตรียมเปลี่ยนชื่อสนาม “สนามไอ โมบาย สเตเดี้ยม” เป็น “ช้าง อารีน่า” ในฤดูกาล 2018 โดย “ช้าง” จะเข้ามาสนับสนุน ทั้งสนามฟุตบอล และสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนามแข่งรถทางเรียบแห่งแรกของไทย ที่สามารถใช้แข่ง ฟอร์มูล่า วัน ได้ คาดมูลล่าราว 1,000 ล้านบาท ด้วยสัญญา 5 ปี

โดย กลุ่มสามารถ ในธุรกิจสามารถไอ-โมบาย คว้าสิทธิ์ใช้ชื่อสนามเหย้าของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในนาม “ไอโมบาย สเตเดียม” ที่ให้การสนับสนุนมานานถึง 7 ปีเต็ม

ด้วยเหตุผลที่ว่า ทำไมไอโมบายฯถึงไม่ได้ไปต่อกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว การปิดฉาก i-mobile แบรนด์มือถือที่อยู่คู่คนไทยมานานมากๆนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป

ทั้งนี้นักวิเคราะห์จากเว็บไซต์การตลาดชื่อดังอย่าง brandbuffet ได้ระบุว่า

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วในยุคที่โทรคมนาคมไทยยังเป็น “2G” และมือถือยังเป็น “Feature Phone” การเกิดขึ้นของ “มือถือเฮาส์แบรนด์”

โดยมีดิสทริบิวเตอร์รายใหญ่ ที่จำหน่ายโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดังอยู่แล้ว และผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมไอที-โทรคมคม ได้ว่าจ้างโรงงานในประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ เช่น จีน ผลิตโทรศัพท์มือถือ

พร้อมทั้งปั้นแบรนด์ของตนเองแปะลงไปบนสินค้า นำมาตีตลาดมือถือในไทย ที่เวลานั้น “โนเกีย” (Nokia) ยังครองความยิ่งใหญ่

การเข้ามาของ “มือถือเฮาส์แบรนด์” ใช้กลยุทธ์ราคาถูกกว่ามือถือแบรนด์ดัง ในขณะที่ฟังก์ชั่นจัดเต็ม ทั้งระบบ 2 ซิม, วิทยุ, MP3, กล้อง ฯลฯ

เพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค และเป็นทางเลือกให้กับคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีงบจำกัด และไม่ติดแบรนด์

เรียกได้ว่าขณะนั้นเป็น “ยุคทอง” ของมือถือเฮาส์แบรนด์ในไทยก็ว่าได้ นำโดย “i-mobile” (ไอ-โมบาย)ซึ่งเป็นผู้นำตลาดนี้ และตามมาด้วยอีกหลายแบรนด์ เช่น G-Net, TWZ, Wellcom, PhoneOne

แต่วันนี้ยุคทองของ “มือถือเฮาส์แบรนด์” ได้ผ่านไปแล้ว และเข้าสู่ยุคถดถอย !! บางแบรนด์ที่ว่ามานี้ ล้มหายไปจากตลาดแล้ว

ในขณะที่แบรนด์ที่ยังอยู่ ได้ออก “สมาร์ทโฟน” แข่งในตลาดแมส ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากของมือถือเฮาส์แบรนด์

ล่าสุดพี่ใหญ่ในตลาดมือถือเฮาส์แบรนด์ “กลุ่มสามารถ” ออกมายอมรับว่า หลังจากทำตลาด “i-mobile”มาเป็นเวลา 20 ปี ขณะนี้มือถือ “i-mobile” ไม่สามารถแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือได้แล้ว

และในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ประสบกับภาวะขาดทุนมาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าฝืนทำธุรกิจมือถือเฮาส์แบรนด์ต่อไป จะกระทบต่อกลุ่มธุรกิจอื่นในเครือเช่นกัน

นี่จึงทำให้ “กลุ่มสามารถ” ตัดสินใจปิดฉาก “i-mobile” หลังจากในอดีตแบรนด์นี้ เคยทำยอดขายไม่ต่ำกว่า 4,000,000 – 5,000,000 เครื่องต่อปี

พร้อมกันนี้ได้เปลี่ยนชื่อ “บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)” เป็น “บริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน)” เพื่อปรับเข้าสู่ “ธุรกิจดิจิทัล” เต็มตัว และลดความเสี่ยงจากการทำตลาดมือถือ

เป็นเวลาประมาณ7 ปีที่ ชื่อของ ไอโมบาย เป็นคำเรียกติดปากของทั้งคน บุรีรัมย์ และแฟนฟุตบอลที่มาเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล ว่า ไอโมบาย สเตเดียม  สนามฟุตบอลประจำทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

หรือที่มีชื่อเรียกอีกชื่อว่าธันเดอร์คาสเซิลสเตเดียม (Thunder Castle Stadium)

แต่ในวันนี้ ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนชื่อสนามเป็นครั้งแรก เพราะการปิดตัวของธุรกิจมือถือสัญชาติไทยที่เคยมียอดขายรวมแล้วเกือบ  40 ล้านเครื่อง อย่างไอโมบาย ของกลุ่มบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า

จากสภาพการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่มีการแข่งขันสูง ประกอบกับการที่โอเปอเรเตอร์เข้ามาทำตลาด ส่งผลให้ทางไอ-โมบาย ไม่สามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

และได้ยุติการเป็นสปอนเซอร์สนามฟุตบอลบุรีรัมย์อย่างเป็นทางการแล้ว

เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกกิจการมือถือแบรนด์ไอโมบายไปเมื่อเร็วๆนี้ แต่ยังเป็นสปอนเซอร์หลักให้ทีมฟุตบอลปราสาทสายฟ้า โดยเปลี่ยนจากโลโก้ไอโมบายมาใช้ชื่อ “สามารถ” แทน

และแล้วการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็ส่งผลมาถึงสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่แห่งไทยพรีเมียร์ลีกอย่าง บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่ได้รับการสนับสนุนหลักจาก i-mobile กระทั่งตั้งชื่อสนามเหย้าด้วยการชื่อแบรนด์มือถือ

สนาม Thunder Castle จึงเปลี่ยนมือไปให้กับ Chang ผู้สนับสนุนหลักของสนามแข่งรถระดับโลกของ เนวิน ชิดชอบ อย่าง Change Ingernational Circuit

โดยในวันที่  23-24 ธันวาคม 2560 ทางสโมสร บุรีรัมย์ยูไนเต็ด เตรียมเปิดตัวชื่อสนามชื่อใหม่นี้แทนชื่อ i-mobile Staduim เป็นชื่อว่า “CHANG ARENA”

ขอบคุณภาพ BURIRAM UNITED

ขอบคุณบทความจาก : brandbuffet

buaksib sport newsbuaksib sport news