เหตุใดนักเตะอพยพจากซุรินาเมถึงสร้างความเปลี่ยนแปลงแห่งวงการฟุตบอลฮอลแลนด์
ซูรินาเม เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในทางตะวันออกเฉียงหน้าบนคาบสมุทรแอตแลนติกของทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งถือเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึงล้านคนด้วยซ้ำ และผลผลิตของประเทศโดยทั่วๆ ไปนั้นก็คล้ายคลึงกับประเทศอื่นๆ ในทะเลแคริบเบียน ที่มักจะส่งออกข้าว, กล้วย และน้ำตาลเป็นหลัก แต่กระนั้นกลับกลายเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อด้านการส่งออกนักเตะฝีเท้าเยี่ยมมากมายในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังโลก
ทำความรู้จักประเทศซูรินาเม
หลังจากที่บริทิชค้นพบดินแดนของประเทศซูรินาเมช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ดัตช์ (หรือเนเธอร์แลนด์ หรือฮอลแลนด์) ก็ได้เข้ามายึดครองเป็นเจ้าอาณานิคมของซูรินาเมและทำให้ดินแดนของประเทศนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพืชผลการเกษตรที่สมบูรณ์ และภายหลังได้มีการค้าทาสผิวสีจากแอฟริกาเกิดขึ้นเพื่อมาเป็นแรงงานในการเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตรเหล่านั้นกลับสู่ท่าเรือของเนเธอร์แลนด์แผ่นดินใหญ่ที่กรุงร็อตเทอร์ดัม และหลังจากทำสนธิสัญญากับทางบริทิช ซูรนาเมก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์โดยแต่นั้นมา
ภาษาราชการหลักของซูรินาเม คือ ภาษาดัตช์ นับตั้งแต่สมัยที่เป็นอาณานิคมเรื่อยมาจนกระทั่งได้รับเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ในปี 1975 และหลังจากที่ได้รับเอกราชประชากรบางส่วนทั้งที่เป็นชาวท้องถิ่นเองหรือชาวยุโรปที่เข้ามาตั้งรกรากนั้นก็ได้ย้ายกลับสู่ยุโรปเพื่อเหตุผลทางด้านชีวิตความเป็นอยู่ที่จะมีโอกาสต่างๆ ทางด้านการงานมากขึ้นรวมไปถึงเงินเดือนค่าจ้างที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
จุดเริ่มต้นแห่งตำนานนักเตะเนเธอร์แลนด์ที่มีพื้นเพมาจากซูรินาเม
หลังจากที่มีการย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่ของชาวซูรินาเมเกิดขึ้นเมื่อคราวได้รับเอกราช นี่คือจุดเริ่มต้นของวงการลูกหนังเนเธอร์แลนด์หรือเจ้าของฉายากังหันสีส้มในยุคใหม่ แซนเดอร์ ไอท์สมา นักเขียนชาวฮอลแลนด์ เคยได้กล่าวเอาไว้ว่า “ทีมชาติฮอลแลนด์ ได้รับผลประโยชน์เต็มๆ จากเหล่า นักเตะ เชื้อสาย ซูรินาเม ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต่างก็มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่เป็นจุดเด่นช่วยทีมชาติเป็นอย่างมาก” อีกทั้งเนเธอร์แลนด์ยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเท่าเทียมทางสังคมมากแห่งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามชาวซูรินาเมโดยพื้นเพเองก็ได้กล่าวว่า คลื่นการอพยพในยุคแรกๆ นั้น พวกเขากลับไม่ได้รับการต้อนรับที่เป็นมิตรนักจากชาวเนเธอร์แลนด์
“คุณจะต้องเก่งให้ได้เป็นสองเท่าของพวกนักเตะผิวขาวในตำแหน่งเดียวกัน ผู้เล่นหลายคนที่ท้อใจจนเลิกเล่น เพราะ พวกเขาแทบไม่ได้รับโอกาสให้ได้พิสูจน์ตัวเองเลย วันนี้ผู้คนต่างเปิดรับมากขึ้นให้โอกาสมากขึ้น แต่แท้จริงแล้วในอดีตกว่าพวกเราจะผ่านมันมาได้ก็หนักเอาการ” นี่คือคำบอกเล่าของ วินสตัน โบการ์เด้ อดีตยอดนักเตะของสโมสรดังอย่างอาแจกซ์, มิลาน, บาร์เซโลนา และทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โชคยังดีที่ในบางกรณีเหล่านะเตะที่เป็นชาวซูรินาเมนั้นได้โอกาสและได้ลงเล่นในลีคสูงสุดของเนเธอร์แลนด์อย่าง เอเรดิวิซี่ และหลังจากนั้นผลงานเข้าตาจนได้มามีบทบาทในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้ต่อไป
เมื่อเหล่านักเตะอพยพจากซูรินาเมก้าวมามีบทบาทสำคัญในทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ในยุค 1970 เนเธอร์แลนด์ เริ่มรุ่งโรจน์ในวงการลูกหนังโดยมี นักเตะ เชื้อสาย ซูรินาเม เป็นส่วนผสมที่ทำให้แทคติกรวมถึงสไตล์การเล่นดีขึ้น เนเธอร์แลนด์สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลโลกได้ 2 ครั้งติดต่อกันในปี 1974 และ 1978 ถึงแม้จะแพ้และพลาดแชมป์ไปทั้ง 2 ครั้งก็ตาม แต่นั่นก็เป็นยุคที่ขุนพลกังหันสีส้มนำทัพโดยเหล่านักเตะที่มีเชิ้อสายซูริเนเมอย่าง โยฮัน ครุฟฟ์, โยฮัน นีสเคนส์ และ รุด โครล
และด้วยการเล่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเยี่ยมยอดทางด้านเทคนิครวมถึงจังหวะการเล่นที่ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการผสมผสานกันของสไตล์ฟุตบอลดัตช์ และสไตล์ ฟุตบอล ซูรินาเม ที่มีเหล่าสตาร์เชื่อสายซูรินาเมร่วมทีมอย่าง แฟรงก์ ไรจ์การ์ด และ รุด กูลิต พวกเขาก็เป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่พาเนเธอร์แลนด์ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 1988 มาครองได้สำเร็จ ในขณะที่หลายๆ คนต่างพากันตั้งข้อวิเคราะห์ว่าหากเนเธอร์แลนด์นั้นยังคงเล่นกันแบบสไตล์เดิมๆ ที่ไม่ได้มีการผสมผสานที่ลงตัวอย่างนี้ ก็เป็นไปได้ที่ทีมชาตินั้นอาจไม่เดินทางมาได้ไกลจนประสบความำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ หลังจากนั้น เอ็ดการ์ ดาวิด อีกหนึ่งดาวดังของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่เป็น นักเตะ เชื้อสาย ซูรินาเม ก็ได้กล่าวเสริมว่า ซูรินาเมนั้นมีความคล้ายคลึงกับบราซิล “ซูรินาเม มีความคล้าย บราซิล เป็นอย่างมาก ประเทศของเรานั้นเต็มไปด้วยคนจน และเด็กตามข้างถนนที่ไม่มีแม้กระทั่งเงินในการประทังชีวิตได้อย่างพอเพียง พวกเขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำอะไรในแต่ละวัน ทำให้พวกเขาต่างเล่นและหลงไหลในการใช้เวลาไปกับการเตะฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เล่นกันแม้กระทั่งไม่สวมรองเท้าด้วยซ้ำ”
ผลประโยชน์ที่พ่วงมาจากการมีนักเตะซูรินาเมในทีมชาติ
หลังจากทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่มี นักเตะ เชื้อสาย ซูรินาเม ประสบความสำเร็จมากมายในรายการต่างๆ ระดับโลก จากนั้นได้มีการจัดแมตช์การกุศลเกิดขึ้นในปี 1991 เพื่อหาทุนทรัพย์ช่วยเหลือเหล่าครอบครัวที่ตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์เครื่องบินตกนอกกรุงปารามาริโบ เมืองหลวงของซูรินาเม โดยแมตช์นั้นมีนักเตะดาวดังอย่าง กูลิต, ไรจ์การ์ด และโบการ์เด้ เข้าร่วมด้วยท่ามกลางผู้ชมมากมาย และเป็นซูรินาเมที่คว้าชัยเหลือทีมเนเธอร์เล่น (ชุดเล็ก) ไปได้ 3-1
ไม่เพียงในส่วนของทีมชาติเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ในปี 2019 ฟีฟ่าได้มีรายงานว่า ผู้เล่นกว่า 150 คน ในลีคสูงสุดของเนเธอร์แลนด์อย่าง เอเรดิวิซี่ นั้น มีเชื้อสายมาจากทวีปอเมริกาใต้ หนึ่งในผู้สื่อข่าวของซูรินาเมอย่าง ฮุมแบร์โต้ ทาน เชื่อว่า ทีมชาติและวงการลูกหนังของฮอลแลนด์นั้นจะไม่สามารถประสบความสำเร็จและก้าวมาได้ไกลขนาดนี้หากขาดส่วนสำคัญของทีมอย่าง นักเตะ เชื้อสาย ซูรินาเม “หากไม่มีชาวซูรินาเมในทีม ฮอลแลนด์อาจเป็นเหมือนเยอรมนีในยุคนั้น ที่ไม่แข็งแกร่งมากพอ และไม่มีการสร้างสรรค์ในเกมส์ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจนัก”
ท่ามกลางความสำเร็จที่คละเคล้าปะปนไปด้วยการต่อสู้ทางชาติพันธุ์
เป็นที่น่าเศร้าเมื่อจู่ๆ ในช่วงปี 1996 เหตุการณ์เหยียดชาติพันธุ์ได้กลับมาคุกรุ่นอีกครั้งในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่มีภาพข่าวแพร่สะพัดออกไปเป็นภาพการนั่งทานข้าวกันภายในทีมที่มทีการแยกจากกันโดยสิ้นเชิงระหว่างนักเตะผิวขาว และนักเตะที่มีเชิ้อสายจากซูรินาเม ซึ่งนักข่าวอย่าง ทาน ได้ออกมาพูดถึง กุ๊ด ฮิดดิ้ง กุนซือทีมชาติในยุคนั้นว่า เขาให้เกียรติผู้คนต่างกันและไม่สนใจเหล่าดาวรุ่งที่พร้อมจะช่วยสร้างทีม
ในช่วงของตำนานผู้จัดการทีมอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ที่พาอาแจกซ์ คว้าแชมป์รายการแชมเปี้ยนส์ลีกได้ในปี 1995 หลายๆ ฝ่ายต่างคิดว่าส่วนหนึ่งของความสำเร็จซึ่งเป็นส่วนสำคัญนั้นมาจากผู้เล่นอย่าง เอ็ดการ์ ดาวิด, คราเลนซ์ ซีดอร์ฟ และ แพททริก ไคล์เวิร์ต ที่ต่างก็มีเชื้อสายซูรินาเมทั้งสิ้นนั้นควรได้รับการยกย่องมากกว่านี้ในระดับทีมชาติ แต่ในมุมมองของฮิดดิ้งที่คุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์นั้นกลับมาไปทิศทางตรงข้ามว่า เหล่านักเตะเหล่านี้มีนิสัยที่คล้ายคลึงกับพวกที่มาจากแคริบเบียน นั่นก็คือ ความเฉื่อย แต่กระนั้นพวกเขาก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีดีกว่าที่ที่ว่ากัน
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่ดำเนินไปด้วยความผสมผสานอย่างลงตัว
ปัจจุบัน อัมสเตอร์ดัม เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางแห่งวงการลูกหนักโลก และเป็นเมืองที่รุดหน้าจนก้าวมาเป็นหนึ่งในเมืองที่มีนักเตะระดับฝีเท้ายอดเยี่ยมมากแห่งหนึ่งในยุโรป กุลลิต ได้กล่าวเพิ่มว่า “การนำพาทีมของฮอลแลนด์นั้นถือเป็นสิ่งที่สุดยอดมากๆ เรามีผู้เล่นที่คอยเพิ่มประสิทธิภาพและแทคติกที่ดีอยู่เสมอ และเทคนิคต่างๆ ที่ดีเหล่านี้ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า มาจากผลผลิตของเหล่านักเตะที่มีเชื้อสายซูรินาเม การผสมผสานที่ลงตัวนี้ย่อมนำพาความตื่นตาตื่นใจมาสู่ทีมชาติและนี่คือสิ่งที่ทำให้เราแข็งแกร่งอย่างที่เราเป็นอยู่”
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ปัจจุบันยังคงอุดมไปด้วยเหล่านักเตะยอดฝีเท้าระดับโลกที่ได้รับการยอมรับที่มีเชื้อสายซูรินาเมผสมผสานอยู่ในทีมอาทิ เวอร์จิล ฟา ไดจ์, เจฟฟรี่ บรูม่า, มิเกล วอร์ม และจอร์จิโน่ ไวจ์นัลดุม และความสัมพันธุ์ของทั้งสองชาติทั้งฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ กับ ฟุตบอล ซูรินาเม นั้นก็ยังคงเป็นความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันมาโดยตลอด และนี่ก็ทำให้เห็นว่า เหล่านักเตะฝีเท้าระดับพระกาฬเหล่านี้คือผลผลิตที่ยิ่งใหญ่และมีมูลค่ามหาศาลเมื่อเทียบกับกล้วยที่เป็นผลไม้ส่งออกหลักของซูรินาเมเสียอีก