“บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกิตติมศักดิ์ ค้านหัวชนฝาเรื่องที่จะนำเอานักฟุตบอลชุดอายุไม่เกิน 19 ปีไปแข่งขันแทนชุดอายุไม่เกิน 23 ปี เวลานี้ไม่เหมาะ เพราะอาจทำให้เสียแชมป์ได้
จากกรณีที่ “โค้ชเฮง” นายวิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องการให้ส่ง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ลงล่าเหรียญทองในการแข่งขันซีเกมส์
ครั้งต่อไปจากนี้ แทนที่จะส่งชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ตามที่ฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนด เพื่อยกระดับ และพัฒนาฟุตบอลไทยให้ก้าวข้ามอาเซียน
โดย “โค้ชเฮง” กล่าวว่า
“การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งหน้าผมเตรียมไปคุยกับนายกสมาคมฯ ในการนำนักเตะที่อายุน้อยกว่าเกณฑ์ที่ทางฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนดไว้ไปแข่งขัน
ซึ่งผมมองว่ามันเป็นประโยชน์มากกว่า แน่นอนว่าการทำแบบนี้ทำให้เสี่ยงที่จะไม่ได้เหรียญทองตามเป้าหมาย
และอาจสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลหรือทางการกีฬาแห่งประเทศไทยฯ”
“แต่ผมเชื่อว่า หากเราสามารถทำให้ทีมพัฒนา และทำผลงานได้ดีขึ้นในรายการที่ใหญ่กว่า สำคัญกว่า อย่างเช่นการไปฟุตบอลโลก หรือได้ส่งทีมไปเล่นในกีฬาโอลิมปิก
มันอาจทำให้แฟนบอลพอใจกว่าการได้เหรียญทองซีเกมส์ครับ”
ล่าสุด “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า ผลงานของฟุตบอลทีมชาติไทย ในซีเกมส์ช่วงหลังถือว่ายอดเยี่ยม
สามารถป้องกันแชมป์ซีเกมส์ไว้ได้ถึง 3 สมัยติด เป็นความหวังของทัพนักกีฬาไทยในการล่าเหรียญทอง อย่างไรก็ตามชาติคู่แข่งก็ไม่ได้นิ่งเฉย พัฒนาตามเราขึ้นมาได้น่ากลัว
ดูอย่างซีเกมส์ ครั้งล่าสุด ที่ประเทศมาเลเซีย ในนัดชิงชนะเลิศ ก็ถือว่าเรามีดวงช่วย ที่มาเลเซียทำเข้าประตูตัวเอง และเป็นประตูโทนที่ทำให้เราได้แชมป์แบบเฉียดฉิว
ดังนั้นเรื่องที่จะนำเอานักฟุตบอลชุดอายุไม่เกิน 19 ปีไปแข่งขันแทนชุดอายุไม่เกิน 23 ปี เวลานี้จึงยังไม่เหมาะ เพราะอาจทำให้เราเสียแชมป์ได้
“การเอาชุดอายุไม่เกิน 19 ปีไปแข่งขันชุดอายุไม่เกิน 23 ปีของชาติอื่น ๆ ที่ตอนนี้เล่นได้สูสีกับเรานั้นถือว่าเสี่ยงเกินไป หากเราพลาดแชมป์ หรือตกรอบแบบเมื่อซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่ประเทศลาว
จนเสียเหรียญทองที่สำคัญ อาจทำให้แฟนบอล หรือแฟนกีฬาทุกคนรับไม่ได้ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ซึ่งเราต้องป้องกันไม่ให้กรณีนี้เกิดขึ้น
ทั้งนี้หากต้องการส่งชุดอายุไม่เกิน 19 ปีไปแข่งขันจริง อย่างน้อยก็อยากให้เป็นชุดผสม โดยมีชุดอายุไม่เกิน 23 ปีเป็นแกนหลัก และเลือกนักเตะอายุไม่เกิน 19 ปี
บางคนไปหาประสบการณ์ เชื่อว่าวิธีนี้น่าจะตอบโจทย์เป้าหมายของเราทั้งการป้องกันแชมป์ซีเกมส์ และพัฒนานักเตะดาวรุ่งของทีมชาติไทย” พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว