เรื่องราววัยเยาว์ของ ริ วั ล โด้ – ชีวิตก่อนค้าแข้งและพื้นฐานครอบครัว
ริวัลโด้ วิคเตอร์ บอร์บา เฟอร์ไรร่า หรือ ริ วั ล โด้ ลืมตาดูโลกเมื่อ 19 เมษายน 1972 ที่เรซิเฟ่ เมืองเปร์นัมบูโก้ ประเทศบราซิล เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีสถานะความเป็นอยู่ไม่ค่อยสุขสบายมากนัก พ่อแม่ใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากในย่านสลัมของเมือง สถานที่ที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมมากมาย ทางออกเดียวที่เหลืออยู่จึงหนีไม่พ้นการอาศัยทักษะลูกหนังที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด สิ่งที่เปรียบเสมือนพรสวรรค์จากพระเจ้า ในการพลิกชีวิตของตนเองและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บอล บราซิลในเวลานั้นจึงไม่ใช่แค่กีฬาที่ไม่เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงหรือสร้างความบันเทิงเท่านั้น หากแต่เป็นช่องทางที่จะช่วยให้มีอาหารและไม่ต้องทนอดยากในแต่ละวัน
เรื่องราวของ โรเซ่ เฟอร์ไรรา ริวัลโด้
เส้นทางการค้าแข้งของ ริ วั ล โด้ เริ่มต้นช่วงปี 1989 หรือห้วงเวลาที่เขามีอายุ 16 ปี เมื่อได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมอคาเดมีเปาลิสตาโน่ สโมสรเล็ก ๆ ในเมืองเปร์นัมบูโก้ แต่ด้วยพื้นฐานการใช้ชีวิตที่ติดลบมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขามีปัญหาในเรื่องของการขาดสารอาหาร ร่างกายบอบบางจนโค้ชในเวลานั้นไม่เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้ ที่สำคัญมันยังเป็นขวบปีที่เจ้าตัวสูญเสียคุณพ่ออย่าง โรมิลโด้ ไปด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน ทว่าแทนที่จะเอาแต่เศร้าโศกและน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ริวัลโด้ มุ่งมั่นกับการฝึกซ้อมมากกว่าที่เคย หวังเป็นเสาหลักแทนที่คุณพ่อให้การนำพาคุณแม่และพี่น้องออกห่างจากความยากลำบาก นั่นคือช่วงเวลาที่พรสวรรค์ของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า ได้ย้ายไปเล่นให้สโมสรที่ใหญ่กว่าอย่าง ซานตา ครูซ จนติดทีมชาตินัก เตะ บราซิล รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในปี 1991 จากนั้นย้ายไป โมกิ มิริม ในปี 1992 และได้เซ็นสัญญาไปเล่นแบบยืมตัวกับยักษ์ใหญ่อย่าง โครินเธียนส์ ในปี 1993 พร้อมกรุยทางก้าวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ได้สำเร็จ กระทั่งปี 1994 ก็ได้ย้ายไป พัลไมรัส กระหน่ำตาข่ายไป 14 ประตู จาก 30 เกม ช่วยทีมป้องกันแชมป์ลีกได้ทันที และได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี เท่ากับว่าในวัย 23 ปี เขากลายเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลบราซิล ที่เก่งกาจที่สุดในบ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว
ใครคือ เอลิซา คามินสกี้ เฟอร์ไรรา
เอลิซา คามินสกี้ เฟอร์ไรรา คือสาวสวยชาวบราซิเลียนที่อายุห่างกับ ริ วั ล โด้ มากถึง 6 ปี แต่เรื่องของหัวใจไม่อาจตัดสินได้ด้วยตรรกะทางคณิตศาสตร์ ช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้มีโอกาสพบเจอกันจึงเป็นตอนที่ตํา นาน บราซิลตัดสินใจหย่าร้างกับอดีตภรรยา โรเซ่ พร้อมลงมือปลูกต้นรักครั้งใหม่กับ เอลิซา ทันที ท่ามกลางการคาดเดาของแฟนบอลว่าเธออาจก้าวมาเป็นมือที่ 3 แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัด กระนั้นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือทั้งคู่เป็นรักแท้ของกันและกัน พร้อมสร้างครอบครัวด้วยความรักสุดชื่นมื่นมาจวบจนทุกวันนี้ ภายใต้พยานรักอย่างลูกชาย 2 คน เจา วิตอร์ กับ อิซาเก้ และลูกสาว 2 คน ธามิรีส บอร์บา และ รีเบก้า รีเบก้า ทั้งยังดูแลลูกชาย ริวัลดินโญ่ และลูกสาว ธามิรีส ช่วยเหลือดูแลธุรกิจเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลที่นักฟุตบอลระดับตำนานแฟนเป็นนางแบบมีลูกชายเป็นนักแสดงลงทุนซื้อมาเป็นเจ้าของ รวมไปถึงโรงเรียนฝึกฟุตบอล R10 Soccer School
ผู้สร้างตำนาน
ก่อนหน้าโอลิมปิกเกมส์ 1996 ปาร์ม่า ประกาศเซ็นสัญญาคว้าตัว ริคาร์โด โดมิงโกส บาร์โบซ่า เปเรย์รา และเพื่อนร่วมทีม พัลไมรัส อย่าง อามารัล ไปเสริมทัพ แต่หลังจบมหกรรมกีฬาที่แอตแลนตา, สหรัฐอเมริกา ตัวเขากลับปฏิเสธย้ายไปอิตาลี แล้วเลือกร่วมทัพ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ในศึกลา ลีกา สเปน แทน ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เมื่อผลงาน 21 ประตู จาก 41 เกม ทำให้ ริ วั ล โด้ ได้ย้ายไปร่วมทัพยักษ์ใหญ่ บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ 1997 ด้วยสนนราคา 26 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าสูงมากในเวลานั้น ทว่ามันคือเม็ดเงินที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะ ริวัลโด้ กระหน่ำตาข่ายไป 129 ประตู จาก 235 เกม ตลอดช่วงปี 1997-2002 ในถิ่นคัมป์ นู ช่วยสโมสรคว้าแชมป์ลา ลีกา 2 สมัย และโกปา เดล เรย์ กับยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อย่างละ 1 สมัย ที่สำคัญช่วงเวลาดังกล่าวเขายังผนึกกำลังกับประวัติ โร นั ล โด้ บราซิล รวมถึง โรนิลดินโญ่ ในฐานะ 3R ช่วยบ้านเกิด บราซิล คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 มาครอง ลบความผิดหวังจากฟุตบอลโลก 1998 ลงได้สำเร็จ
เรื่องราวปัญหาระหว่างริวัลโด้และฟานกัล
ปี 1999 ถือเป็นช่วงเวลาทองแห่งการค้าแข้งของ ริ วั ล โด้ เมื่อผงาดคว้ารางวัลบัลลงดอร์หรือนักเตะที่เก่งกาจที่สุดในโลกมาครองได้สำเร็จ แต่การออกปากแนะนำเฮดโค้ชคู่บุญอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ที่เขาย้ายจาก ลา คอรุนญ่า ว่าควรให้เขาลงสนามในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์หลังคู่กองหน้ามากกว่าจะเล่นริมเส้นด้านซ้าย กลายเป็นการกล้าแสดงออกที่ ฟาน ฮัล มองว่าผิดที่ผิดเวลา ผลลงเอยด้วยการที่ ริวัลโด้ โดนดร็อปไม่ให้ลงสนาม จนนำมาปัญหาบาดหมางที่ขยายใหญ่โตถึงความเป็นอริ สุดท้ายนักเตะบราซิลขอขึ้นบัญชีย้ายออกจากทีม ทว่ากลับเป็น ฟาน ฮัล ที่กระเด็นออกจากตำแหน่งเสียเองหลังจบฤดูกาล 1999/2000 พร้อมการกลับมาเป็นคีย์แมนอีกครั้งของดาวเตะเจ้าของสมญานาม “นิเชา”
ข้อพิพาทและขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นของเขา
นอกจากปัญหาบาดหมางกับผู้เป็นเฮดโค้ชอย่าง หลุยส์ ฟาน ฮัล แล้ว ริ วั ล โด้ ยังมีข้อพิพาทและต้นเหตุความขัดแย้งที่ผู้คนทั่วโลกน่าจะจดจำกันได้ดี เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ระหว่างที่ บราซิล นำ ตุรกี อยู่ 2-1 ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี นัก เตะ บราซิลพยายามถ่วงเวลาในการได้เตะลูกคอนเนอร์ด้วยการดึงช้า ทำให้ ฮาคาน อุนซาล รีบเตะบอลกลับคืนไปให้เพื่อจะได้เริ่มเล่น ทว่าบอลเจ้ากรรมดันพุ่งอัดบริเวณต้นขาเข้าอย่างจัง แต่แทนที่จะกุมขาลงไปดีดดิ้น ริคาร์โด โดมิงโกส บาร์โบซ่า เปเรย์รา กลับเอามือกุมไปที่ใบหน้าพร้อมร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ทำให้ทุกคนที่ได้รับชมเหตุการณ์ช็อกตาตั้งไปตาม ๆ กัน ผลสุดท้าย อุนซาล โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ส่วน “นิเชา” ของเรากลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของแฟนบอลตุรกีตลอดทัวร์นาเมนต์ แม้สุดท้ายจะเป็นทางฝั่งตัวเขาที่ได้ฉีกยิ้มกว้างในฐานะแชมป์โลกก็ตาม
ภาพรวมของผลงานการค้าแข้งในสายนักฟุตบอลอาชีพ
ผลงานระดับสโมสร
1991-92 ซานตา ครูซ: เล่น 27 / ยิง 9
1992 โมกิ มิริม: เล่น 31 / ยิง 13
1993-94 โครินเธียนส์: เล่น 24 / ยิง 12
1994-96 พัลไมรัส: เล่น 97 / ยิง 60
1996-97 ลา คอรุนญ่า: เล่น 46 / ยิง 22
1997-02 บาร์เซโลน่า: เล่น 235 / ยิง 129
2002-04 เอซี มิลาน: เล่น 40 / ยิง 8
2004 ครูเซโร่: เล่น 10 / ยิง 2
2004-07 โอลิมเปียกอส: เล่น 95 / ยิง 43
2007-08 เออีเค เอเธนส์: เล่น 44 / ยิง 15
2008-10 บุนยอดกอร์: เล่น 76 / ยิง 42
2011 เซา เปาโล: เล่น 46 / ยิง 7
2012 คาบัสคอร์ป: เล่น 21 / ยิง 11
2013 เซา กาเอตาโน่: เล่น 19 / ยิง 2
2014-15 โมกิ มิริม: เล่น 12 / ยิง 1
ผลงานระดับทีมชาติ
1991-93 บราซิล ยู20: เล่น 13 / ยิง 2
1994-95 บราซิล ยู23: เล่น 8 / ยิง 1
1993-03 บราซิล: เล่น 74 / ยิง 35
ฤดูกาลหลังจากย้ายออกจากบาร์ซ่า
หลังโบกมืออำลา บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ 2002 ริ วั ล โด้ ในวัย 30 ปี ตัดสินในย้ายไปค้าแข้งในกัลโช่ เซรี่ อา อิตาลี กับ เอซี มิลาน พร้อมฝากผลงาน 8 ประตู จาก 38 เกม ช่วย “ปีศาจแดงดำ” คว้าแชมป์โคปป้า อิตาเลีย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้สำเร็จ ทว่าฤดูกาลต่อมาสถานการณ์กลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เมื่อเจ้าตัวประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนและฟอร์มตก จนได้ช่วยทีมแค่ 2 เกม ก่อนประกาศแยกทางกันในเดือนพฤศจิกายน 2004 พร้อมย้ายกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิด บราซิล กับ ครูเซโร่ แต่ลงสนามช่วยทีมไปแค่ 2 เดือน ก็ตัดสินใจยกเลิกสัญญา เนื่องจากสโมสรปลดอาจารย์ที่เคารพอย่าง วันแดร์เล ลุกเซมบูร์โก้ ออกจากตำแหน่งกุนซือ ก่อนนักฟุตบอลบราซิลจะบินกลับมาค้าแข้งในยุโรปกับ โอลิมเปียกอส ยักษ์ใหญ่ลีกกรีซ สถานที่ที่พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าขิงแก่อย่างเขาคือของจริง เมื่อเป็นกำลังสำคัญให้ทีมตลอดช่วงปี 2004-07 พร้อมทั้งใช้เวลาที่เหลือพเนจรไปทั่วโลกกับ เออีเค เอเธนส์, บุนยอดกอร์, เซา เปาโล, คาบัสคอร์ป, เซา กาเอตาโน่ แล้วกลับไปแขวนสตั๊ดกับสโมสรที่คุณพ่อ โรมิลโด้ และลูกชาย ริวัลดินโญ่ เคยค้าแข้งอย่าง โมกิ มิริม ซึ่งรวมถึงช่วงต้นอาชีพของประวัติ โร นั ล โด้ บราซิลเองด้วย พร้อมประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2015 หรือขณะมีอายุมากถึง 43 ปี
ตำนานอันน่าจดจำที่ผู้คนต่างกล่าวขานเกี่ยวกับริวัลโด้
แฟนบอลทั่วโลกต่างจดจำ ริ วั ล โด้ ในฐานะดาวเตะพรสวรรค์สูงที่เปี่ยมไปด้วยเทคนิคแพรวพราว เท้าซ้ายของเขาไม่แตกต่างจากไม่กายสิทธิ์ที่สามารถร่ายมนตร์บนฟลอร์หญ้าได้อย่างใจนึก นี่คือหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าสุดยอดนักมายากลที่สามารถดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างที่หวัง ไม่มีสักนาทีเดียวในสนามที่แฟนบอลจะเสียดายค่าตั๋วเมื่อชมสิ่งที่ดาวเตะรายนี้แสดงออกมา ขณะเดียวกันนักฟุตบอลระดับตำนานแฟนเป็นนางแบบมีลูกชายเป็นนักแสดงยังขึ้นชื่อลือชาเรื่องการเล่นลูกตั้งเตะได้อย่างแม่นยำราวจับวาง และท่าพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างจักรยานอากาศหรือ Bicycle Kicks ก็ทำได้อย่างเนียนตาชนิดที่ว่าไม่มีใครสามารถเลียนแบบท่วงท่าอันสวยงามดังกล่าวได้เลยทีเดียว มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เขาจะได้รับการยกย่องให้มีชื่ออยู่ในลิสต์ FIFA 100 นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเคียงข้างไอดอลอย่าง เปเล่ แม้ว่าในห้วงความทรงจำของแฟนบอลทั่วโลกเขาอาจไม่ได้เป็นตํา นาน บราซิลที่ผู้คนรักมากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับชาวบราซิเลียน เนื่องมาจากข้อพิพาทหลากหลายรูปแบบตลอดเส้นทางการค้าแข้ง รวมไปถึงความเคี่ยวในการเรียกร้องขอเจรจาต่อรองสัญญาฉบับใหม่ ที่ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองจนถึงที่สุด แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ริวัลโด้ คือหนึ่งในดาวเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของวงการลูกหนังโลก