ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในทีมที่มีแฟนบอลรัก และ มีกองแช่งมากที่สุด หนึ่งทีมก็คือ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่วันนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างทีม แต่ยังเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์
การเข้ามาคุมทีมของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ได้ก่อกำเนิดให้เห็นถึงโครงสร้างที่ชัดเจนของ เมืองทอง ยูไนเต็ด อีกครั้ง ในวันที่ไมได้มีซูเปอร์สตาร์ เต็มทีมเหมือนแต่ก่อน
หากย้อนไปเมื่อสัก ทศวรรษก่อน นี่คือทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก พร้อมกับ บรรดาซูเปอร์สตาร์ มากมายไม่ว่าจะต่างชาติ หรือนักเตะทีมชาติไทย
นี่คือหนึ่งในทีมที่ได้แชมป์ไทยลีก ไร้พ่าย พร้อมสร้างสถิติต่างๆมากมาย ให้เกิดขึ้น และเป็นหนึ่งในสโมสรที่ควรถูกยกย่องว่า เป็นผู้ทำให้ฟุตบอลไทย กลับมาบูมได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยซบเซาไปในช่วงที่ฟอร์มของทีมชาติตกต่ำ
ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2017 เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย หลังจากที่เสียนักเตะตัวหลักหลายราย ไล่ตั้งแต่ ประตูจนถึงกองหน้า ทั้ง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ รวมถึง ธีรศิลป์ แดงดา เป็นต้น
จุดเปลี่ยนของชีวิต
ตลอดช่วงเวลา หลังจากนั้น เมืองทอง ต้องทดลองอะไรต่างๆมากมาย ทั้งการต้องดื้นรนหนีตกชั้น เปลี่ยนแปลงโค้ช ต่างชาติบ้าง คนไทยบ้าง จนสุดท้าย พวกเขาก็ได้เลือก มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่เพิ่งแขวนสตั๊ด ได้ไม่นาน เข้ามาคุมทีม
การเข้ามาของ มาริโอ หลายคนต่างกังวลอย่างมากในช่วงแรก ทั้งเรื่องของโปรไฟล์ ที่แม้จะประสบความสำเร็จมากมายสมัยเป็นนักเตะ สร้างสีสันในวงการฟุตบอลไทย แต่ประสบการณ์ในการเป็นโค้ชนี่คืองานแรกของเขา ไลเซนส์โค้ชก็ไม่มี และอีกมากมาย ที่เข้ามาประเดประดัง
แต่วันแล้ววันเล่า ณ วันนี้ เมืองทอง กลับมาเป็นสโมสรที่น่าจับตามอง และน่าติดตามอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง แม้พวกเขาจะไม่ใช่ ทีมทีถูกคาดหมายว่าจะคว้าแชมป์ หรือเป็นตัวเต็งแบบในอดีต
แต่สิ่งที่พวกเขามีคือ โครงสร้างในสนามที่แข็งแรง รวมถึงเป้าหมายที่ชัดเจน ในการยืดหยัดต่อกรกับอีกหลายสโมสรในไทยลีก
การกลับมาของเด็กอคาเดมี
พวกเขาเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับเด็กในอคาเดมี หลังจากที่ผ่านมา ละเลย และเลือกใข้ซูเปอร์สตาร์ มาตลอด จนบรรดาอดีตเด็กปั้นของพวกเขาไปแจ้งเกิดกับทีมอื่น ไม่ว่าจะเป็น พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, ศิวกรณ์ เตียตระกูล และอีกมากมาย
ในวันนี้เราจะเริ่มเห็นว่า เมืองทอง ยูไนเต็ด กลายเป็นอีกทีมที่ยกระดับเด็กจากอคาเดมี หรือปั้นดิน ให้กลายเป็นดาว อย่างที่เห็นในขุมกำลังชุดปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นทั้ง วีระเทพ ป้อมพันธุ์, ปรเมศย์ อาจวิไล, กรวิชญ์ ทะสา และอีกมากมายในทีมชุดปัจจุบัน
แน่นอนว่า ฟุตบอลหลายคนพูดว่า มันขึ้นอยู่กับผลการแข่งขัน แต่อีกสิ่งที่สำคัญคือ แนวทางการทำทีม ที่ตอนนี้เราจะเห็นชัดเจนว่า เมืองทอง มีแนวทางที่ชัดเจน เน้นการครองบอล ต่อบอลสั้น เพรสซิ่งเร็ว ซึ่งถือเป็นแนวทางสมัยใหม่ของโลกฟุตบอล ณ ปัจจุบัน
โอเคล่ะ หากมองที่ผลการแข่งขัน บางครั้งอาจจะรู้สึกว่ามันน่าผิดหวังไปบ้าง แต่เมื่อมองไปที่รายละเอียด เชื่อว่าแฟนบอลเมืองทอง หลายคนเองก็รู้สึกสนุก ไม่ว่าจะติดตามจากทางทีวี หรือ แบบติดขอบสนาม
เพราะสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ความใจสู้ของนักเตะ ที่แม้คุณภาพหากมองแบบเปรียบเทียบรายบุคคล จะเป็นรอง แต่พวกเขาก็ยังสู้ ยังวิ่ง ยังพร้อมที่จะทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จนกว่าเสียงนกหวีดยาวจะดัง
หลายคน อาจจะกังวลและบอกว่า พอมีคอนเซปต์การเล่นชัดเจน ทีมอื่นจะดักทางได้ ซึ่งมาริโอ ก็ตอบในเชิงประมาณ ว่า แล้วไง ใครแคร์!!
เพราะสุดท้าย สิ่งสำคัญคือเรื่องของความเชื่อมั่น ในตัวนักเตะ ในการเชื่อมั่นแนวทางของพวกเขา และตอนนี้ก็ผลงานโดยรวม เมื่อเทียบกับคุณภาพนักเตะ และสิ่งต่างๆ การเกาะกลุ่มโซนบน ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าพอใจ
หากตัดเรื่องเงินทุนออกไป หนึ่งในสโมสร ที่ ณ ตอนนี้นักเตะหลายรายอยากย้ายมาร่วมทีมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น เมืองทอง ทั้งเรื่องแนวทางในการพัฒนานักเตะ, เรื่องกระแสแฟนบอลต่างๆ และอีกหนึ่งจุดสำคัญคือ การส่งออกนักเตะสู่ต่างประเทศ ทีทำให้เห็นมาตลอดในช่วงหลัง
เมืองทอง ในวันนี้ อาจจะต้องใช้เวลาหลายปี ในการก้าวไปประสบความสำเร็จ กวาดแชมป์ เหมือนในอดีตอีกครั้ง แต่ก็อย่างที่บอก แม้วันนี้พวกเขาจะไปไม่ถึงดวงจันทร์ แต่ก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว ที่มีใครหลายคนเห็นในสิ่งที่พวกเขาทำ และควรค่า แก่การปรบมือให้