ผศ.ดร. ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ กรรมการคณะกรรมการการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสิน เปิดเผยถึงความพร้อมของการนำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referees) มาใช้ช่วยตัดสินในการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก ทุกคู่ในฤดูกาล 2019
ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่นำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referees) เข้ามาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศอย่างเป็นทางการ หลังมีการนำร่องมาใช้ในฤดูกาล 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งในฤดูกาล 2019 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ ฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสินได้นำเทคโนโลยี VAR(Video Assistant Referees) มาช่วยตัดสินในฟุตบอลโตโยต้าไทยลีกทุกเกมการแข่งขัน
โดย ผศ.ดร. ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ กรรมการคณะกรรมการการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสิน เปิดเผยความพร้อมของการนำ VAR มาใช้ว่า
“ปีหน้าเราจะนำ VAR มาใช้ทุกคู่การแข่งขันในการแข่งขันไทยลีก 1 เรื่องของการอบรมผู้ตัดสิน จะมีขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความรู้โดยเฉพาะ ในฤดูกาล 2019 เราจะดึงผู้ตัดสินจาก ไทยลีก 2 ขึ้นมาเสริมอีก 5 คน โดยพิจารณาจากความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ตัดสินเพียงพอแน่นอน”
“ส่วนห้องส่งสัญญาณส่วนกลางตอนนี้พร้อมประมาณ 80 % แล้ว เหลือแค่ทดลองระบบการสื่อสารเท่านั้น ส่วนจำนวนกล้องที่ตั้งในสนามจะมีทั้งหมด 8 จุด แบ่งเป็นตั้งบริเวณหน้าเขตโทษ ดูการล้ำหน้า การฟาวล์ในสนาม การให้ใบเหลือง ใบแดงต่าง ๆ เพื่อลงโทษเหตุการณ์อย่างถูกต้องตามหลักการครับ”
“การนำ VAR มาใช้ข้อดีคือเราจะได้ความยุติธรรมมากขึ้น มีการตัดสินที่ถูกต้องชัดเจน บางจังหวะจะมองว่าผู้ตัดสินเป่าพลาด แต่หากกลับมาดู VAR จะทำให้ทุกคนคายความสงสัยกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ ส่วนข้อเสียก็คงมีเพียงเรื่องของการหยุดเกมเพื่อดู VAR แม้อาจจะเสียเวลาแต่เชื่อทุกทีมจะยอมรับตรงนี้”
สำหรับ เทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referees)จะใช้ตัดสินสถานการณ์จำนวน 4 สถานการณ์ อันประกอบไปด้วย
1. เป็นประตู/ไม่เป็นประตู (ข้ามเส้นไม่ช้ามเส้น, มีการฟาวล์ก่อน, ล้ำหน้า, ลูกบอลออกสนามก่อนเข้าประตู)
2. จุดโทษ/ไม่จุดโทษ (ตำแหน่งของการฟาวล์, ฝ่ายรุกทำฟาวล์ก่อน, ลูกบอลออกนอกสนามก่อนการฟาวล์, การที่ผู้รักษาประตูหรือผู้ยิงประตู ทำผิดกติกาขณะเตะจุดโทษ)
3. ใบแดงโดยตรง (เจตนาป้องกันประตูผิดกติกาอย่างตั้งใจ, การทำผิดกติกาอย่างร้ายแรง เช่น ถ่มน้ำลาย, ดูหมื่น และ ใช้วาจาไม่สุภาพ)
4. ระบุตัวผู้เล่นผิดพลาด