ตอนใหม่ของ “เดอะโกลโพส” เดน่าและจัสตินจะมาพูดถึงเกมพรีเมียร์3คู่ได่แก่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดพบแมนเชสเตอร์ซิตี้,อาร์เซนอลพบเวสต์แฮม และลิเวอร์พูลดวลบอร์นมัธ
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด – แมนเชสเตอร์ซิตี้
โอลด์แทร็ฟฟอร์ดคงได้แน่นขนัดอีกครั้งสำหรับดาบี้แม็ตซ์เมืองแมนเชสเตอร์ ทีมตราเรือใบนั้นเพิ่งจะคว้าแชมป์คาราบาวคัพมา ทำให้ยังคงมีลุ้นที่ต่อสู้แย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล พวกเค้าคงบุกมาเปิดเกมรุกใส่แน่นอน กาเบียล เฆซุสเองก็กำลังร้อนแรงและน่าจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ด้านโอเล่ กุนน่า โซลชาเองก็ต้องการแต้มเพื่อช่วงชิงโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก ดังนั้นกุนซือชาวนอร์เวย์ก็ทราบดีว่าพวกเค้าจำเป็นต้องเก็บชัยชนะต่อหน้าแฟนบอลในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเป็นอย่างมากแม้พวกเค้าจะไม่กองหน้าตัวความหวังอย่างมาร์คัช แรชฟอร์ดก็ตาม แต่ก็ยังดีที่พวกเค้าได้จอมทัพคนใหม่อย่างบรูโน่ แฟนันเดซมาในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม
อาร์เซนอล – เวสต์แฮม
ทีมปืนใหญ่เพิ่งจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้งเมื่อชนะมาสองเกมรวดก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่เอาชนะเอฟเวอร์ตันไปอย่างสุดมันส์3-2 แต่เรื่องเกมรับก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่เมื่ออาร์เซนอลเสียประตูให้คู่แข่งไปถึง18นัดและมีถึง14นัดที่พวกเค้าโดนคู่แข่งยิงประตูขึ้นนำไปก่อนอีกต่างหาก อย่างไรก็ตามมิเกล อาร์เตต้าก็ยังคงตั้งเป้าที่จะลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก แม้พวกเค้าจะยังคงมีปัญหาในตำแหน่งแบ็คซ้ายเพราะทั้งเซอัด โคลาซินัส และคีแรน เทียร์นี่ย์ต่างเจ็บทั้งคู่ ด้านเวสต์แฮมเองฟอร์มช่วงหลังกลับมาแย่อีกครั้ง5เกมหลังสุดพวกเค้าชนะแค่เกมเดียว ที่น่าสนใจคือนายทวารมือหนึ่งอย่างลูคัส ฟาเบี้ยนสกี้จะได้ลงดวลกับทีมเก่าอีกครั้งในเกมนี้
ลิเวอร์พูล- บอร์นมัธ
หลังจากพ่ายแพ้เป็นเกมแรกของฤดูกาลของลิเวอร์พูล(แพ้วัตต์ฟอร์ด0-3เมื่อสัปดาห์ก่อน)แถมยังไปแพ้ทีมตราหมีในแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์อีก ทำให้เกมนี้เจอร์เกน คล็อปป์จึงจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องเติมความมั่นใจให้กับลูกทีมอีกครั้ง โดยสถิติที่ผ่านมาพวกเค้าก็ไล้ต้อนทีมเยือนแบบไปกลับมาโดยตลอด แม้ว่าพวกเค้าอาจจะให้โอกาสตัวสำรองอย่างมินามิโนะได้ลงเล่นบ้างเนื่องจากยังมีเกมนัดล้างตาในยูซีแอลรออยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนทีมเยือนอย่างเดอะเชอร์รี่นั้นแพ้ในเกมเยือนถึง10เกมแถมยังล่อแหลมต่อการร่วงตกชั้นอีกต่างหาก บอร์นมัธเองจึงจำเป็นต้องเก็บแต้มให้ได้หากยังต้องการอยู่รอดโดยความหวังในเกมรุกคงต้องฝากไว้ที่คัลลั่ม วิลสัน และไรอัน เฟรเซอร์