การแข่งขันพรีเมียร์ลีกเดินทางมาถึงนัดที่ 7 ซึ่งจะเป็นเกมส่งท้ายก่อนหลีกทางให้กับช่วงเบรกทีมชาติ ไปติดตามดูกันว่าแมนยูฯจะชิงโอกาสเป็นจ่าฝูงได้หรือไม่เมื่อพวกเค้าจะได้เล่นในบ้านกับเอฟเวอร์ตัน ส่วนสองทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์อย่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ซิตี้มีโปรแกรมที่จะต้องตัดเเต้มกันเอง
เชลซี 3 : 1 เซาร์แธมตัน
เล่นมาได้ 9 นาทีเชลซีขึ้นนำเร็วจังหวะเตะมุมทางขวา รูเบน ลอฟตัส ชีคเปิดบอลลึกไปเสาไกลเทรฟโวห์ ชาโลบาร์พุ่งขวิดตุงตาข่ายเป็น 1-0 ก่อนจบครึ่งแรกฮัดสัน โอดอยได้บอลทางซ้ายก่อนตักบอลมาให้ติโมร์ แวร์เนอร์โขกตุงตาข่าย แต่ทว่า VAR ฟ้องว่าเซซาร์ อัซปิลิกวยต้ามีจังหวะทำฟาวส์ไปก่อนจึงไม่เป็นประตู กลับมาเล่นครึ่งหลังนักบุญตามตีเสมอได้ 1-1 นาที59 เบน ชิลเวลล์ไปเสียบวาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกจุดโทษ แล้วเจมส์ วอร์ด-เพราส์ก็สังหารเข้าประตูไปไม่พลาด อย่างไรก็ตามนาที 75 เจมส์ วอร์ด-เพราส์คนยิงตีเสมอให้ทีมเยือนก็มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปจากจังหวะพุ่งเสียบใส่จอร์จินโญ่ แล้วด้วยผู้เล่นที่มากกว่าก็ทำให้เชลซีมาทำประตูขึ้นนำได้อีกครั้งในนาที 84 รอส บาร์คลี่ย์เปิดข้ามฝากไปให้เซซาร์ อัซปิลิกวยต้าในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนแบ็คสเปนจะปาดต่อมาที่กลางประตูให้แวร์เนอร์ปรี่เข้าชาร์ตเข้าไปเป็น 2-1 นาที 89 จังหวะบอลป้วนเปี้ยนในเขตโทษทีมเยือนสกัดบอลไม่ไปไหนเบน ชิลเวลล์ยิงสวนบอลข้ามเส้นเข้าประตูไปแม้อเล็ก แม็คคาธีย์จะควักบอลออกมาได้ก็ตาม แต่เทคโนโลยีโกลไลน์เป่าให้เป็นประตู หมดเวลาการแข่งขันเชลซีเป็นฝ่ายชนะไป 3-1
ลิเวอร์พูล 2 : 2 แมนเชสเตอร์ซิตี้
นาที 20 ฟิล โฟเด้นได้ลองยิงแต่ก็ยังไม่ผ่านมืออลิสซง เบ็คเกอร์มือกาวหงส์แดง ก่อนหมดครึ่งแรกสองนาทีเควิน เดอ บรอยด์ได้หลุดเข้าไปดวลกับอลิสซงอีกครั้งแต่นายทวารแซมบ้าก็ยังเซฟไว้ได้สวย ครึ่งหลังนาที 58 หงส์แดงขึ้นนำเมื่อซาล่าจ่ายต่อให้มาเนหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงสวยตัวแอร์เดอซอนเข้าประตูไปเป็น 1-0 สิบนาทีต่อมาสกอร์กลับมาเท่ากัน เมื่อกาเบรีล เฆซุสฝืนลากบอลอยู่บริเวณหน้าเขตโทษจนผู้เล่นลิเวอร์พูลเสียจังหวะกันไปหมดก่อนไหลต่อไปทางซ้ายทำให้ฟิล โฟเด้นได้สอดขึ้นมายิงเล่นทางเสียบมุมเข้าประตูเป็น 1-1 นาที 75 ซาล่าโชว์ทักษะโยกหลอกผู้เล่นซิตี้ทางฝั่งขวาก่อนลากจี้เข้าไปยิงเล่นทางเสียบมุมเสาไกลเป็น 2-1 อย่างไรก็ตามนาที 81 แมนซิตี้ก็มาตามตีเสมอได้อีกครั้ง เควิน เดอ บรอยด์ได้จังหวะยิงไกลบอลไปแฉลบโจเอล มาติปเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้เกมคู่นี้จบลงด้วยการเสมอกันสุดมันส์ 2-2
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1 : 1 เอฟเวอร์ตัน
นาทีที่ 5 อารอน วาน บิสซาก้าหาจังหวะเปิดโด่งไปเสาไกลให้อองโตนี่ มาร์กซิยาลสอดมาโขกเดี่ยวๆแบบไร้ตัวประกบแต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าผิดหวัง นาที 20 เฟร็ดเปิดจากฝั่งซ้ายมาให้คาวานี่ได้ขวิดเล่นทางเน้นๆแต่จอร์แดน พิคฟอร์ดนายด่านทีมเยือนก็ปัดบอลทิ้งไปได้อย่างเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตามนาที 42 ปีศาจแดงก็ชิงจังหวะขึ้นนำจนได้บรูโน่ไหลบอลสั้นให้มาร์กซิยาลปรี่เข้ามายิงบอลแฉลบกองหลังเอฟเวอร์ตันกระดอนเข้าตุงตาข่ายเป็น 1-0 ครึ่งหลังนาที 64 จังหวะสวนกลับเร็วเดมาราย เกรย์หาจังหวะแทงต่อให้แอนดรอส ทาวน์เซ่นหาจังหวะยิงเน้นๆสวนตัวเด เคอาเข้าไปซุกตาข่ายเป็น 1-1 นาที 84 เอฟเวอร์ตันได้เสียวเมื่อทอม เดวิสหลุดเดี่ยวไปทางขวาก่อนไหลต่อให้เยอรี่ มิน่าสอดมายิงง่ายๆที่เสาไกลเข้าประตูแต่น่าเสียดายที่ VAR ฟ้องว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า ทำให้จบเกมแมนยูฯเสมอเอฟเวอร์ตันไป 1-1