เกียรติประวุฒิ ประกาศแขวนสตั๊ดพร้อมเปิดใจที่ตัดสินใจแบบนี้

เกียรติประวุฒิ สายแวว กองหลังอดีตดีกรีทีมชาติไทย ของสโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี ประกาศแขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจยุติอาชีพการค้าแข้งของตัวเอง

แนวรับวัย 32 ปี ย้ายจาก ชลบุรี เอฟซี มาอยู่กับ “มังกรโล่เงิน” ในฤดูกาลนี้ แต่ได้ลงสนามแค่เพียงเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นหลังยังมีอาการบาดเจ็บติดตัวส่งผลให้ไม่ได้รับโอกาสลงสัมผัสเกมในศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 แม้แต่นัดเดียวก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดในที่สุด

“เหตุผลหลักคือเรื่องของอาการบาดเจ็บที่ยังคงรบกวนมาโดยตลอด มันทำให้ผมต้องทบทวนว่าคงถึงเวลาเสียทีที่จะต้องพัก เพราะไม่อยากฝืนร่างกายไปมากกว่านี้” แนวรับ “มังกรโล่เงิน” เริ่มกล่าว

“ก่อนหน้าที่จะย้ายมาอยู่เทโรผมฟิตสมบูรณ์มาก แต่อาการบาดเจ็บที่หัวเข่าขวาเกิดขึ้นช่วงปรีซีซั่น ซึ่งผมก็พยายามฟื้นฟูร่างกายเพื่อจะกลับมาลงสนามให้ได้อีกครั้ง แต่รอบนี้มันไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะมันเจ็บจนรบกวนการใช้ชีวิตผมอยู่ตลอด เหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าคงต้องยุติการเป็นนักฟุตบอลอาชีพไว้เพียงเท่านี้”

“ล่าสุดผมได้เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ของทางสโมสรแล้ว ทุกฝ่ายก็เข้าใจในเหตุผลของผม แน่นอนว่าผมเสียใจที่ต้องเลิกเล่นฟุตบอล แต่ก็ไม่ได้เสียดายเพราะรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ยังไงก็ต้องมาถึง แม้มันอาจจะมาเร็วไปหน่อยก็ตาม เพราะมันก็ดีกว่าที่ผมจะฝืนลงไปเล่นทั้งที่ไม่เต็มร้อย มันเหมือนเป็นการเอาเปรียบสโมสรที่จ่ายเงินเดือนให้ เอาเปรียบเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ที่พร้อมกว่า รวมถึงกับแฟนบอลที่เสียเงินเข้ามาดู ดังนั้นนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด”

“หลังจากนี้คงกลับไปพักผ่อนที่จังหวัดอุบลราชธานี ผมมีธุรกิจที่วางแผนจะทำเอาไว้หลังเลิกเล่นทั้งฟาร์มไก่ชนและฟาร์มวัว รวมไปถึงการเข้าอบรมโค้ช เพราะอยากจะกลับไปสอนและพัฒนาเด็กเยาวชนที่อุบลฯ เพื่อเป็นการกลับตอบแทนให้กับบ้านเกิดด้วยครับ” เกียรติประวุฒิ ทิ้งท้าย

สำหรับ เกียรติประวุฒิ สายแวว เคยคว้าแชมป์ไทยลีก, ถ้วยพระราชทาน ก และ เอฟเอคัพ ร่วมกับทีมฉลามชล และเคยเป็นหนึ่งในผู้เล่นไทยที่ได้เซ็นสัญญากับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังของประเทศอังกฤษ นอกจากนั้่นเจ้าตัวยังเคยค้าแข้งกับสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และย้ายมาร่วมทีมโปลิศ เทโร เอฟซี ในฤดูกาลล่าสุด

ส่วนในนามทีมชาติไทยเจ้าคาร์คว้า 2 เหรียญทองซีเกมส์ที่ประเทศฟิลิปปินส์และที่จังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งยังได้ลงเล่นทีมชาติชุดใหญ่ ในรายการฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รวมถึง ฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2007 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพอีกด้วย

ขอขอบคุณ : Thai League