ข่าวฟุตบอล ไทยลีกอดีตคู่หู เบอร์บาตอฟ เปิดใจหลังรับงานกุนซือทีมชาติไทยU-23 เป็นครั้งแรก
โพสต์รูปภาพ
อดีตคู่หู
โซรัน ยานโควิช

อดีตคู่หู เบอร์บาตอฟ เปิดใจหลังรับงานกุนซือทีมชาติไทยU-23 เป็นครั้งแรก

FA Thailand เปิดเผยบทสนทนา โซรัน ยานโควิช อดีตดาวยิงทีมชาติบัลแกเรียที่เคยเล่นเคียงข้าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร

และได้รับความไว้วางใจจาก มิโลวาน ราเยวัช ในการเป็นผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ก่อนที่จะเข้ามารับงานเฮดโค้ชอย่างเต็มตัวกับ ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี

“ผมไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่าจะได้คุมทีมชาติไทย U-23 ครั้งแรกที่มาที่นี่ ผมมาในฐานะผู้ช่วยของโค้ช มิโลวาน แต่ก็ไม่ได้แปลกใจที่ทางสมาคมฯ

ให้ผมมาเป็นเฮดโค้ชของ U-23 เพราะทางนายกฯ (พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง) เองก็อยากให้ทีมชาติทุกรุ่นมีแนวทางการเล่นที่เหมือนกันอยู่แล้ว

และผมเองก็ชอบงานคุมทีม อยากอยู่ช่วยยกระดับทีมชาติไทยต่อไป” โซรัน ยานโควิช กล่าว

“ผมชอบที่นี่นะ หลังจากที่ผมใช้เวลาอยู่ที่เมืองไทยมานาน ผมรู้สึกว่าผมอยากอยู่ที่นี่ต่อไป ผมอยากอยู่เพื่อช่วยพัฒนาฟุตบอลที่นี่

อยากจะนำเสนอฟุตบอลที่แตกต่างและสิ่งใหม่ๆให้กับนักเตะไทย หรือแม้กระทั่งทุกคนในทีม

และผมก็จะพยายามอย่างเต็มที่ที่ทำให้ไทยขึ้นไปอยู่ในระดับแถวหน้าของเอเชียให้ได้”

หลังจากที่เข้ามารับงานกับทีมชาติไทย โซรัน ยานโควิช และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของ มิโลวาน ราเยวัช ได้เดินทางไปยังสนามต่างๆ

เพื่อเกมการแข่งขันทั้งในลีกและทีมชาติ พร้อมกับติดตามดูฟอร์มนักเตะ

“เราติดตามฟุตบอลไทยมาตลอดและรู้จักนักเตะอยู่มากพอสมควร ทั้งไทยลีก ไทยลีก 2 และรายการอื่นๆ ทั้งคนที่เล่นให้ทีมชาติหรือไม่ได้เล่น

สำหรับนักเตะชุดนี้ ผมเห็นอะไรหลายอย่างในตัวพวกเขา และทุกคนมีความสามารถ หน้าที่ผมคือดึงศักยภาพของพวกเขาออกมาให้ได้”

“นักเตะในช่วงอายุนี้มีความคิดที่ค่อนข้างต่างออกไปจากชุดใหญ่ พวกเขาสามารถเปลี่ยนสไตล์การเล่นได้ ยังมีอะไรให้ลองทำอีกเยอะ

แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องรักษามาตรฐานการเล่นไว้”

“นักเตะบางคนสามารถเล่นชุดใหญ่ได้เลยนะ บางคนมีอนาคตที่ดีเลย สิ่งที่พวกเขาต้องทำ คือซ้อมให้หนัก และตั้งใจที่จะปรับปรุงและพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ

เพราะพวกเขาจะเป็นอนาคตของทีมชุดใหญ่ในภายภาคหน้า”

ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เพิ่งคว้าแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่มาเลเซีย และมีรายการใหญ่อย่าง เอเอฟซี U-23  แชมเปียนชิพ รอบสุดท้าย ที่จีน

ในเดือนมกราคม พร้อมกับ เอเชี่ยน เกม ที่รอพวกเขาอยู่ในปีหน้า

“ผมติดตาม ซีเกมส์ ที่ผ่านมาเหมือนกัน นักเตะหลายคนเล่นด้วยกันในชุดนี้ ผมมองว่า ซีเกมส์ ก็เหมือนกับทัวร์นาเมนต์ที่เตรียมเราให้พร้อมสำหรับปีหน้า

ปีหน้าจะเป็นปีที่สำคัญ และทั้งสองรายการก็เป็นทัวร์นาเมนต์ที่หนักพอสมควร”

“แต่เรามีเวลาเตรียมทีม แน่นอนว่าเราจะทำงานกันอย่างหนักเพื่อเตรียมทีมให้พร้อม เราไม่สามารถเก็บนักเตะไว้กับเราได้ พวกเขายังต้องกลับไปยังสโมสร

แต่เราก็จะวางแผน เดินทางไปดูฟอร์มนักเตะตามสนามต่างๆ อย่างที่เราทำมาตลอด อาจจะมีนักเตะหน้าใหม่ขึ้นมาก็ได้ เราพร้อมให้โอกาสเสมอ

เพราะเราจะเลือกผู้เล้นที่ดีที่สุด เพื่อให้ทีมเราแข็งแกร่งได้มากที่สุด สำหรับออกไปสู้กับชาติอื่นๆในเอเชียให้ได้”

“สำหรับเกมอุ่นเครื่องในปีนี้ ที่จะเจอกับจอร์แดน เราคงยังคาดหวังอะไรได้ไม่มาก เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงเตรียมทีมสำหรับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ปีหน้า

จอร์แดนเป็นทีมที่แกร่ง มีสไตล์การเล่นคล้ายกับอิรัก แต่ถ้าเราอยากจะชนะเขา เราต้องเล่นให้เร็วขึ้น เร็วกว่าที่เคยเล่นมา”

อดีตกองหน้าทีมชาติบัลแกเรีย ยังยือยันว่า ในระยะเวลาที่เขาคุมทีมชาติไทย เขาจะนำประสบการณ์จากการเล่นของตน และจากการลงเล่นในศึกยูโร มาช่วยเติมเต็มทีม

พรัอมกับถ่ายทอดประสบการณ์สู่ทัพช้างศึกอย่างเต็มที่

“ผมมีประสบการณ์ทั้งในยุโรปและเอเชีย ผมมั่นใจว่าจะสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ที่ผมมีให้กับนักเตะได้”

“ฟุตบอลแต่ละประเทศในยุโรปค่อนข้างแตกต่างกัน เปรียบกับฟุตบอลเอเชียที่มีสไตล์คล้ายๆกัน แต่สิ่งที่เราดูจากยุโรปและนำมาปรับใช้ได้คือ

การเล่นของสเปน ซึ่งเหมาะกับการเล่นของทีมชาติไทย”

กุนซือวัย 43 ปี เคยคุมทีม FK Indija ในปี 2011 ก่อนที่จะย้ายไปคุมทีม FK Banat Zrenjanin และ Novi Sad ในลีกเซอร์เบีย ในปี 2016

เขาเข้าคุมทีมในลีกรองของจีน กับ Heliongjiang Lava Spring FC ก่อนที่จะเข้ามาเป็นมือขวาของ มิโลวาน ราเยวัช

และล่าสุด โซรัน เข้ามารับงานหัวหน้าผู้ฝึกสอนช้างศึก U23 โดยมี โค้ชโย่ง วรวุติ ศรีมะฆะ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน

“โค้ชโย่ง เป็นโค้ชที่มีประสบการณ์ และเขาก็เคยคุมทีมชุดนี้มาก่อน เราพูดคุยกันมาตลอดเพราะเราก็ทำทีมชุดใหญ่ด้วยกัน

ผมไม่อยากให้มองว่าใครเป็นโค้ช หรือใครเป็นผู้ช่วย เพราะสิ่งสำคัญกว่าคือทุกคนช่วยกัน ทำงานเป็นทีม และพลักดันให้ฟุตบอลไทยก้าวไปข้างหน้า

เรามีเป้าหมายเดียวกันคือยกระดับฟุตบอลไทยให้ขึ้นไปในระดับเอเชีย”

“ผมทราบมาบ้างถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของทีมชุดนี้ ส่วนตัวการที่ทีมชุดนี้ได้แชมป์ซีเกมส์ถือว่ามันสำคัญที่สุดแล้ว

ในฐานะที่ผมเป็นนักฟุตบอลทีมชาติบัลแกเรียผ่านฟุตบอลยูโร 2004 ที่กรีซได้แชมป์ ผมมองว่ากรีซนั้นเล่นไม่ดีเลย แต่เขาได้แชมป์ทุกคนก็แฮปปี้

ผมมองว่าทีมซีเกมส์ชุดนี้ก็เป็นเหมือนกัน”

“แต่สิ่งแรกที่อยากจะปรับกับทีมชุดนี้ก็คือการครองบอล อยากให้ครองและเก็บบอลให้ดีกว่านี้ ไม่เสียบอลง่าย แต่ดูจากที่ผมดูฟอร์มนักเตะก็เชื่อว่าพวกเขาสามารถทำได้”

“สุดท้ายแล้ว ผมเชื่อว่า ผมจะสามารถช่วยให้ทีมชาติไทย U-23 พัฒนาขึ้นมาได้ และผมมั่นใจว่าผมจะสร้างบางอย่างให้กับพวกเขาได้

ผมจะทำให้สุดความสามารถ ให้ดีที่สุด เป้าหมายคือนำทีมชาติไทยขึ้นมาในระดับต้นๆของเอเชีย”

เครดิต : FA Thailand